Mitrade เปิดตัวโปรแกรมบริษัทในเครือทั่วโลก เตรียมปันผลกำไรให้พันธมิตรสูงสุดถึง 50%

Logo

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–14 พฤศจิกายน 2022

Mitrade ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย CFD ชั้นนำได้เปิดตัวโปรแกรมบริษัทในเครือ และขณะนี้เสนอว่าจะให้ผลกำไรมากถึง 50% แก่พันธมิตรที่เป็นบริษัทในเครือ Mitrade เปิดรับทุกคนที่อยากสร้างอาชีพในอุตสาหกรรมการลงทุน ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมโปรแกรมบริษัทในเครือได้ ไม่ว่าจะมีภูมิหลังและอาชีพแบบไหน

Mitrade's office in Singapore (Photo: Business Wire)

สำนักงานของ Mitrade ในสิงคโปร์ (ภาพ: Business Wire)

เป้าหมายของโปรแกรมบริษัทในเครือของ Mitrade คือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระยะยาวระหว่าง Mitrade และบริษัทในเครือ โดยให้ผู้มีส่วนร่วมในโปรแกรมได้พบกับแพลตฟอร์มที่น่าดึงดูดและมีคุณภาพ เพื่อใช้แนะนำลูกค้าให้รู้จักกับแพลตฟอร์มการซื้อขาย CFD ที่ได้รับรางวัลของ Mitrade

โปรแกรมบริษัทในเครือมี 2 รูปแบบให้เลือก คือ โปรแกรมต้นทุนต่อการกระทำ (CPA) และโปรแกรมส่วนแบ่งรายได้ ทั้งสองแบบจะช่วยให้พันธมิตรในเครือเข้าถึงข้อเสนอพิเศษที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ใช้ใหม่ทุกรายที่ได้เชิญให้เข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ Mitrade เปิดรับทุกคนเข้าร่วมโปรมแกรมบริษัทในเครือ โดยลงทะเบียนได้ที่ www.mitradeaffiliates.com

เมื่อได้ผ่านการตรวจสอบแล้ว พันธมิตรในเครือจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่อไปนี้ทั้งหมด

รับรายได้ แม้ไม่อยู่หน้าคอม

ถ้ากำลังหางานที่ทำได้โดยไม่ต้องลุกจากเตียง ลองมาร่วมมือกับ Mitrade ดูสิ หลังจากใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการทำแคมเปญ เพราะลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มแคมเปญได้อย่างราบรื่นด้วยความช่วยเหลือจากผู้จัดการในเครือที่พร้อมดูแลคุณโดยเฉพาะในสัปดาห์ต่อๆ ไป

ใช้ประโยชน์จากการสร้างแบรนด์ที่ได้รับรางวัลของ Mitrade

Mitrade ไม่เพียงแต่ได้รับรางวัลมากมายจากสถาบันการเงินชั้นนำและยอดดาวน์โหลด 1,200,000 ครั้งทั่วโลก แต่บริษัทยังปรากฏตัวในช่องข่าวหลัก เช่น Yahoo Finance, Bloomberg และอีกมากมายอีกด้วย คุณจึงควรใช้โอกาสนี้เพื่อใช้ข้อได้เปรียบจากผู้ชมทั่วโลกของ Mitrade เพื่อให้คุณเป็นที่รู้จักในพื้นที่ซื้อขาย

บอกต่อได้ ไม่จำกัดจำนวน

พันธมิตรในเครือสามารถบอกต่อลูกค้าได้ไม่จำกัดจำนวน ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณจะมากหรือน้อย ยิ่งแบ่งปันมาก โอกาสในการจ่ายเงินก็ยิ่งสูง

สื่อการตลาดสุดพิเศษ

เนื่องจากฐานผู้ใช้ของ Mitrade มาจากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก เราจึงมีเอกสารทางการตลาดหลากหลายภาษา เพื่อให้วางแผนแคมเปญเพื่อเริ่มต้นกระบวนการได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

ผู้เข้าร่วมที่สนใจเข้าร่วมโปรแกรมบริษัทในเครือของ Mitrade สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่

Nitish Nautiyal, Head of APAC Affiliates ของ Mitrade กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้เห็นแรงผลักดันที่เราได้รับภายในเวลาแค่ 1 เดือนที่เปิดตัวโปรแกรมบริษัทในเครือเพื่อต้อนรับพันธมิตรจากหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก โปรแกรมบริษัทในเครือเป็นวิธีการใหม่ในการทำธุรกิจกับ Mitrade โดยส่งเสริมให้บริษัทในเครือมาร่วมมือกันในระยะยาว เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจแนวทางปฏิบัติในการซื้อขายในตลาดทุนที่ยั่งยืนและเป็นไปตามข้อกำหนด เราสนับสนุนให้นักการตลาดบริษัทในเครือที่ทำงานเต็มเวลาในอุตสาหกรรมมาสมัครเป็นพันธมิตรที่คุ้มค่า ซึ่งให้มูลค่าเพิ่มผ่านวิธีการที่มีคุณภาพในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ”

วิธีเริ่มสร้างรายได้กับโปรแกรมบริษัทในเครือของ Mitrade

  1. ลงทะเบียนและเลือกโปรแกรมที่ต้องการเข้าร่วม
  2. ดูแดชบอร์ดและเครื่องมือส่งเสริมการขายที่มีให้คุณใช้
  3. แชร์ลิงก์บริษัทในเครือให้กลุ่มเป้าหมายของคุณ
  4. รับเงิน หลังการแนะนำของคุณตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง

เกี่ยวกับ Mitrade

Mitrade เป็นโบรกเกอร์ซื้อขาย CFD ออนไลน์ที่ได้รับรางวัลระดับโลก โดยมีภารกิจคือการทำให้การซื้อขาย FX และ CFD ง่ายขึ้น Mitrade ซึ่งมีการติดตั้งแอปมากกว่า 1.2 ล้านครั้งและเทรดเดอร์ที่ใช้งานอยู่ 40,000 ราย มุ่งมั่นที่จะให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายและตราสารในตลาดเกือบ 100 รายการที่มีสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึง FX สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกได้ดีที่สุด

Mitrade มุ่งมั่นที่จะทำให้การซื้อขายง่ายขึ้นและมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดผ่านแพลตฟอร์มมือถือและเว็บ

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.mitrade.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52958579/en

ข้อมูลติดต่อ

branding@mitrade.com

แหล่งข้อมูล: Mitrade

Zerobank Design Factory นักพัฒนาระบบหลักสำหรับ Minna Bank เพื่อรองรับระบบการธนาคารบนคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ

Logo

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

Zerobank Design Factory Co., Ltd. (ZDF) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Fukuoka Financial Group มีการประกาศว่า จะมีการเริ่มให้บริการระบบธนาคารบนคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ ระบบนี้จะทำงานบนระบบหลักที่ ZDF และ Accenture พัฒนาขึ้นสำหรับ Minna Bank โดย ZDF ให้บริการระบบนี้แก่สถาบันการเงินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ต้องการคำแนะนำระบบบริการด้านการธนาคารรูปแบบใหม่ ด้วยการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงระบบเป็นดิจิทัลในอุตสาหกรรมทั่วโลก ZDF ตั้งเป้าที่จะบรรลุภารกิจในการ ‘นำเสนอการเชื่อมโยงอย่างมีคุณค่าแก่ทุกคน’

ZDF to Offer Full-Cloud Banking System (Graphic: Business Wire)

ZDF ให้บริการระบบธนาคารบนคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ  (ภาพกราฟิก: Business Wire)

ภาพรวมของระบบ
ระบบนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างระบบการธนาคารขึ้นได้อย่างรวดเร็วบนคลาวด์จากรากฐานเริ่มต้น โดยช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถขยายบริการทางเงินได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย และสามารถดำเนินบริการทั้งหมดได้จากสมาร์ทโฟนผ่านอินเทอร์เฟสสำหรับผู้ใช้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่การเปิดบัญชี การฝากเงิน การโอนเงิน และการสมัครสินเชื่อ นอกเหนือจากนี้ ระบบยังมีเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติการสามารถมองเห็นกระบวนการทางบัญชีได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การฝากและถอนเงิน ดอกเบี้ยคงค้าง และค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดสรรปรับแต่งข้อเสนอสำหรับลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น บริการดิจิทัลและประสบการณ์ลูกค้าแบบใหม่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เหล่านี้จะช่วยเสริมมูลค่าให้แก่องค์กร

ฟีเจอร์ทางด้านเทคนิค
สถาปัตยกรรมของระบบจะช่วยให้สามารถมั่นใจได้ถึงความสามารถในการปรับขนาด การรับมือกับข้อผิดพลาด และความยืดหยุ่นโดยใช้ระบบคลาวด์สาธารณะ โดยสามารถมีความยืดหยุ่นในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้น เนื่องจากการออกแบบที่มีไมโครเซอร์วิสหลายๆ ตัวเชื่อมโยงกันแต่ไม่ยึดติดกัน รวมถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบ API เพื่อให้มีการปรับใช้งานอย่างราบรื่น ยังมีระบบสินทรัพย์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาและการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงรากฐานและระบบการจัดการสินทรัพย์ นอกเหนือจากนี้ ในแพลตฟอร์ม BaaS ซึ่งเป็นระบบการผสานรวมแบบ API ที่สอดคล้องกับมาตรฐานระบบความปลอดภัยสากลของ FAPI ช่วยให้สามารถผสานรวมเข้ากับผู้ให้บริการระบบ API และธุรกิจที่เป็นพันธมิตรที่มีความสนใจในการสร้างบริการใหม่ได้อย่างง่ายดาย โครงการพัฒนาระบบนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Japan Financial Innovation Award 2020

Kenichi Nagayoshi ประธานและ CEO ของ ZDF และ Minna Bank แสดงความเห็นว่า
“Minna Bank ซึ่งมีการเปิดตัวในฐานะธนาคารดิจิทัลแห่งแรกของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม ปี 2021 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มลูกค้าดิจิทัลเนทีฟที่เป็นเป้าหมาย โดยมีการดาวน์โหลดแอป 1 ล้านครั้ง และมีการเปิดบัญชีถึง 400,000 บัญชีในปีแรก ในระหว่างช่วงเวลานี้ เรายังคงทำงานร่วมกับ Accenture เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับระบบ ฟังก์ชัน และการออกแบบที่ธนาคารดิจิทัลจะต้องมี และอัปเดตเทคโนโลยีของเราให้สอดคล้องกันไปด้วย เรามีความเชื่อมั่นว่า ระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบนี้เป็นโซลูชันสำหรับรับมือกับความท้าทายหลากหลายที่บริษัทต่างๆ ที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจการธนาคารต้องประสบ ด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของเรากับลูกค้าต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถมีส่วนช่วยในการพัฒนาธนาคารดิจิทัลทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

เกี่ยวกับ Zerobank Design Factory (ZDF)

ZDF เป็นบริษัทพัฒนาระบบซึ่งเป็นผู้สร้างระบบหลักสำหรับ Minna Bank และเป็นนักพัฒนารายแรกในญี่ปุ่นที่สร้างระบบหลักสำหรับการธนาคารบนคลาวด์สาธารณะ ZDF เป็นบริษัทในเครือของ Fukuoka Financial Group
https://www.zdf.jp/en/

เกี่ยวกับ Minna Bank

Minna Bank, Ltd. เป็นธนาคารดิจิทัลแห่งแรกของญี่ปุ่น โดยมีการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 28 เดือนพฤษภาคม ปี 2021 Minna Bank หมายถึง “ธนาคารสำหรับทุกคน” ในภาษาญี่ปุ่น โดยมีภารกิจคือ “นำเสนอการเชื่อมโยงอย่างมีคุณค่าแก่ทุกคน” Minna Bank มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน โดยมีการสร้างและเชื่อมโยงระบบนิเวศต่างๆ รวมถึงลูกค้าผู้บริโภคและธุรกิจ และชุมชนต่างๆ Minna Bank เป็นบริษัทในเครือของ Fukuoka Financial Group https://corporate.minna-no-ginko.com/information/corporate/2021/01/14/14/?wovn=en

เกี่ยวกับ Fukuoka Financial Group

Fukuoka Financial Group, Inc. (FFG, TOKYO:8354) ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยเป็นกลุ่มการเงินระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น FFG มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคคิวชู FFG มีการดำเนินการตามกลยุทธ์ Digital Transformation (DX) อย่างจริงจัง และได้ก่อตั้ง Minna Bank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลแห่งแรกที่มีการวางโครงสร้างรากฐานอย่างดีในญี่ปุ่น
https://www.fukuoka-fg.com/en/

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52967088/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Zerobank Design Factory / Minna Bank
Yumi Imamura
press@minna-no-ginko.com

แหล่งข้อมูล: Zerobank Design Factory Co., Ltd.


Kirin Holdings และ Kao เริ่มทำการวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและภูมิคุ้มกันวิทยา

Logo

Tokyo–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

ตั้งแต่เดือนนี้ Kirin Holdings Company, Limited (Kirin Holdings) และ Kao Corporation (Kao) จะเข้าร่วมในการศึกษาตามรุ่นของ “วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ”*1 ซึ่งนำโดย Wakayama Medical University และเรียบเรียงโดยศูนย์วิจัยส่งเสริมสุขภาพ (HPRC) ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Kirin Holdings และ Kao จะร่วมกันทำการวิจัยเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับการทำงานของเซลล์เดนไดรต์ในพลาสมาไซทอยด์*2 (pDCs) ซึ่งเป็นตัวนำสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันและอื่น ๆ

*1 วิธีการวิจัยเชิงสังเกตวิธีหนึ่งที่ใช้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยของโรคและการเกิดโรค โดยจัดกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะและกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยโรคเฉพาะ และสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและการเกิดโรคได้โดยการคำนวณอุบัติการณ์ของโรคเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม

*2 เซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในฐานะตัวนำหลักเมื่อแบคทีเรียหรือไวรัสเข้าสู่ร่างกาย การทำงานของ pDC จะกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ เช่น เซลล์ NK เซลล์ T และเซลล์ B เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส

โครงร่างการวิจัย

  1. หัวข้อการวิจัย
  2. โครงสร้างการวิจัย
    Kirin Central Research Institute, Kirin Holdings Company, Limited
    R&D-Health & Wellness Products Research, R&D-Biological Science Research , Kao Corporation
    Wakayama Medical University
  3. เป้าหมาย
    ชายและหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ 300 คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดวาคายามะ (ตามแผน)

ความเป็นมา

โรคอ้วนได้รับการกำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็น “การสะสมไขมันผิดปกติหรือมากเกินไปซึ่งอาจนำไปสู่สุขภาพที่ไม่ดี” ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น ทั่วโลกกำลังศึกษาผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนกับภูมิคุ้มกันกำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากโรคอ้วนมีความเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสที่รุนแรงมากขึ้น*3

วัตถุประสงค์

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องกับกิจกรรมของ pDC โดยผสมผสานความสามารถในด้านการวิจัยมากกว่า 35 ปีของ Kirin Holdings ที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันวิทยาเข้ากับความสามารถในด้านการวิจัยของ Kao ที่เกี่ยวกับการลดการสะสมไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต งานวิจัยนี้จะดำเนินการเป็นการศึกษาเพิ่มเติมสำหรับ “วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะ” ซึ่งได้ดำเนินการกับผู้อยู่อาศัยในจังหวัดวาคายามะมาตั้งแต่ปี 2011

ในเดือนนี้ จะมีการตรวจสุขภาพเฉพาะในจังหวัดวาคายามะสำหรับผู้อยู่อาศัยที่มีอายุ 40-55 ปี Kao จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปริมาณไขมันในช่องท้อง ในขณะที่ Kirin Holdings จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของเซลล์เดนไดรต์ รวมถึง pDCs ในเลือด โดยทั้งคู่จะแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ร่วมกัน และจะมีการศึกษาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างไขมันในช่องท้องและกิจกรรมของ pDC

*3 Int J Epidemiol. 2019;48(6):1783-1794. https://doi.org/10.1093/ije/dyz129
Obes Rev. 2020;21(11):e13128. https://doi.org/10.1111/obr.13128

วิจัยส่งเสริมสุขภาพวาคายามะคืออะไร

นี่เป็นการศึกษาตามรุ่นที่นำโดย Wakayama Medical University ตั้งแต่ปี 2011 และขณะนี้ได้ดำเนินการร่วมกับ HPRC โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคต่าง ๆ ในหมู่คนท้องถิ่นในจังหวัดวาคายามะ

จนถึงปัจจุบัน มีการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและมวลกล้ามเนื้อ และได้มีการตีพิมพ์เอกสารต้นฉบับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อกับการเริ่มมีภาวะหลอดเลือดแข็ง ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประวัติการล้มและปริมาณการออกกำลังกายที่เจตนา

Kirin และ Kao จะส่งเสริมความคิดริเริ่มที่มุ่งลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในอนาคต โดยการชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างมวลไขมันในอวัยวะภายในและกิจกรรม pDC ผ่านวิจัย HPRC

เกี่ยวกับ Kirin Holdings

Kirin Holdings Company, Limited เป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ดำเนินการในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม) ส่วนของยา (ธุรกิจยา) และในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ (ธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ) ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก

Kirin Holdings สืบทอดมาจาก Japan Brewery ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1885 โดย Japan Brewery ได้กลายเป็น Kirin Brewery ในปี 1907 ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ได้ขยายธุรกิจด้วยการหมักและเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคโนโลยีหลัก และเข้าสู่ธุรกิจเภสัชกรรมในปี 1980 ซึ่งทั้งหมดยังคงเป็นศูนย์กลางการเติบโตระดับโลก ในปี 2007 Kirin Holdings ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทโฮลดิ้งอย่างแท้จริง และปัจจุบันนี้กำลังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ

ภายใต้วิสัยทัศน์ Kirin Group Vision 2027 (KV 2027) ซึ่งเป็นแผนการจัดการระยะยาวที่เปิดตัวในปี 2019 ทำให้ Kirin Group มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน CSV* ซึ่งสร้างมูลค่าให้กับโลกของอาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงยา ในอนาคต Kirin Group จะยังคงใช้จุดแข็งต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจผ่านธุรกิจของบริษัท โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรลุการเติบโตอย่างยั่งยืนในค่านิยมขององค์กร

* การสร้างคุณค่าร่วมกัน: รวมมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้บริโภคและสังคมโดยรวม

เกี่ยวกับ Kao Corporation

Kao สร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงซึ่งให้การดูแลและเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของทุกคนและโลกใบนี้ ด้วยผลงานของแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ เช่น Attack, Bioré, Goldwell, Jergens, John Frieda, Kanebo, Laurier, Merries และ Molton Brown โดย Kao เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนในเอเชีย โอเชียเนีย อเมริกาเหนือ และยุโรป Kao สร้างยอดขายต่อปีได้ประมาณ 1,420 พันล้านเยน เมื่อรวมกับธุรกิจเคมีภัณฑ์ซึ่งมีส่วนช่วยในหลากหลายอุตสาหกรรม Kao มีพนักงานประมาณ 33,500 คนทั่วโลกและมีประวัติยาวนานถึง 135 ปีในด้านนวัตกรรม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ Kao Group สำหรับข้อมูลล่าสุด https://www.kao.com/global/en/

Kao Group ได้กำหนดกลยุทธ์ ESG ของ Kirei Lifestyle Plan ในเดือนเมษายน ปี 2019 และในปี 2021 Kao ได้เปิดตัวแผนระยะกลางปี ​​2025 (K25) ซึ่งประกาศว่า “การปกป้องชีวิตในอนาคต” และการส่งเสริมให้ “ความยั่งยืนเป็นหนทางเดียว” เป็นวิสัยทัศน์ของบริษัท Kao Group จะยังคงรวมกลยุทธ์ ESG เข้ากับแนวทางการจัดการ นอกจากนี้ยังจะพัฒนาธุรกิจ จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสำหรับผู้บริโภคและสังคม และทำงานตามวัตถุประสงค์ “เพื่อให้เกิดโลก Kirei ที่ทุกชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสมานฉันท์”

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Press Contact
Corporate Communication Department Kirin Holdings Company, Limited
Nakano Central Park South, 4-10-2 Nakano, Nakano-ku, Tokyo
https://www.kirinholdings.com/en/
kirin-cc@kirin.co.jp

Corporate PR, Corporate Strategy, Kao Corporation
1-14-10, Nihonbashi Kayabacho, Chuo-ku, Tokyo
https://www.kao.com/global/en/
corporate_pr@kao.com

แหล่งข้อมูล: Kirin Holdings Company, Limited

Behavox แต่งตั้งหุ้นส่วนของ Softbank / หัวหน้าฝ่ายบุคลากรและสำนักงาน CEO เป็นคณะกรรมการบริษัท

Logo

Behavox กระชับความสัมพันธ์กับตลาดญี่ปุ่นโดยการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน

TOKYO–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

Behavox บริษัทซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเฝ้าระวังสำหรับระบบการสื่อสาร ประกาศแต่งตั้ง Mr. Sasaki ผู้ซึ่งเป็นหุ้นส่วน / หัวหน้าฝ่ายบุคลากร และหัวหน้าสำนักงาน CEO ของ SoftBank Investment Advisers

Mr. Sasaki สมาชิกคณะกรรมการคนใหม่ ที่มาเข้าร่วม Behavox พร้อมประสบการณ์สูงจากตลาดการเงินของญี่ปุ่น Mr. Sasaki เป็นหุ้นส่วนและหัวหน้าสำนักงาน CEO ของ SoftBank ตั้งแต่ปี 2017 โดยได้เข้าร่วมองค์กรครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2003 และทำงานก่อนหน้านั้นที่ Bank of Tokyo-Mitsubishi มา 3 ปี

สำหรับ Behavox แล้ว ลูกค้าเป็นส่วนสำคัญที่สุด และการที่มีสมาชิกคณะกรรมการเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกขององค์กรนี้เป็นการตัดสินใจขั้นสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อญี่ปุ่น ฐานลูกค้าที่กำลังเติบโต และทีมหุ้นส่วนของเราในญี่ปุ่น

Mr. Sasaki เข้าร่วมคณะกรรมการของเราพร้อมแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่เน้นชัดของ Behavox ความมุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าในญี่ปุ่น และการมุ่งเน้นการขยายตลาดในเอเชีย

Erkin Adylov ผู้ก่อตั้ง Behavox & CEO กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Mr. Sasaki เข้าเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นที่น่าตื่นเต้นกับโอกาสในการขยายตลาดในเอเชีย Mr. Sasaki มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับตำแหน่งนี้ด้วยประสบการณ์ที่สูงจากตลาดการเงิน พวกเรารู้สึกตื่นเต้นในก้าวต่อไปของพวกเราทั้งสองสำหรับ Behavox และ Mr. Sasaki ร่วมกัน”

พร้อมกับการประกาศนี้ Behavox ยังเพิ่มความมุ่งเน้นที่จะเสริมกำลังเป็นสองเท่าในการปรับปรุงความสามารถในการรองรับภาษาญี่ปุ่นให้ดียิ่งขึ้นทั้งด้านการแปล ข้อความ และระบบเสียง เพื่อรองรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมสำหรับนวัตกรรมใหม่นี้

Mr. Sasaki หุ้นส่วน / หัวหน้าฝ่ายบุคลากรและหัวหน้าสำนักงาน CEO กล่าวว่า “พนักงานที่พูดได้สองภาษาจะใช้ภาษาอื่น เช่น ภาษาญี่ปุ่น ในการดำเนินการที่ผิดกฎหมายหรือมุ่งร้าย การเข้าร่วม Behavox เป็นการตัดสินใจที่สำคัญของผม เพื่อให้แน่ใจได้ว่า เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่เพียงสามารถรับมือกับความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่ยังมีความมุ่งมั่นที่จะจัดหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการคุกคามจากอาชญากรรมจากบุคคลภายในของญี่ปุ่นด้วย”

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ญี่ปุ่นมีความต้องการการเฝ้าระวังอย่างยิ่งยวดจาก Taro Togo กรรมการผู้จัดการของ Behavox ประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการพูดคุยกันถึงหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงระบบการสื่อสารในองค์กร ไปจนถึงการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับ และประเด็นทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ สามารถเข้าดูเพิ่มเติมได้ที่ เพราะเหตุใดการเฝ้าระวังจึงมีความสำคัญ และ ติดต่อเราหากต้องการอีเว้นท์เฉพาะเป็นการส่วนตัว!

เกี่ยวกับ Behavox Ltd.

Behavox เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเฝ้าระวังสำหรับระบบการสื่อสาร

ในฐานะผู้นำตลาดในแอปพลิเคชันระบบด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในการตรวจสอบการสื่อสารโดยใช้ข้อความและเสียง ซอฟต์แวร์ของ Behavox จะช่วยปกป้องบริษัทและพนักงานของบริษัทจากผู้ไม่หวังดีและมีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายและมุ่งร้ายต่อบริษัท

ทีมการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ทีมเฝ้าระวัง ทีมกฎหมาย และทีม SOC จะใช้ซอฟต์แวร์ของ Behavox เพื่อลดความผิดพลาดที่ไม่มีผลกระทบและเพิ่มอัตราการตรวจจับท่ามกลางความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหลากหลาย โดยมมีวิธีการแก้ไขปัญหามากมายสำหรับการปกป้องบริษัทจากความเสี่ยงภายนอก Behavox ปกป้องบริษัทจากความเสี่ยงภายใน

Founded in 2014, Behavox ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2014 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มอนทรีออล และมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์กซิตี้ ลอนดอน ซีแอตเทิล สิงคโปร์ และโตเกียว

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ www.behavox.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อพิมพ์:
media@behavox.com

แหล่งข้อมูล: Behavox

Mary Kay Inc. ได้รับการยอมรับในรายงานผลกระทบแนวปะการังทั่วโลกปี 2022 ของ The Nature Conservancy

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2022

ตลอดปี 2022 Mary Kay Inc. ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนและการดูแลองค์กร ได้ทำงานเพื่อยกระดับการตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อมหาสมุทรและเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

The Nature Conservancy and Mary Kay Inc. announced their partnership in 1990. Mary Kay has continued to generously support TNC’s work with an expanded focus on oceans work around the globe. (Credit: The Nature Conservancy)

แม้ The Nature Conservancy และ Mary Kay Inc. ได้ประกาศความร่วมมือในปี 1990 แต่ Mary Kay ยังคงสนับสนุนงานของ TNC อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเน้นที่การขยายงานด้านมหาสมุทรทั่วโลก (เครดิต: The Nature Conservancy)

ในเดือนนี้ Mary Kay ได้รับการยอมรับในรายงานผลกระทบแนวปะการังทั่วโลกปี 2022 ของ The Nature Conservancy โดยรายงานของ The Nature Conservancy ได้กล่าวเน้นถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นล่าสุด และความสำเร็จในวิธีการที่องค์กรร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินการโครงการอนุรักษ์ทางทะเลโดยใช้นวัตกรรมใหม่ที่ปกป้องและรักษาชีวิตในมหาสมุทรของเรา

รายงานมีการกล่าวถึงโครงการที่เพิ่งเปิดตัวไปซึ่งมุ่งเน้นเกี่ยวกับ “แนวปะการัง Super Reefs” แนวปะการัง Super Reefs มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในมหาสมุทรที่ร้อนระอุได้ ภารกิจของโครงการแนวปะการัง Super Reefs คือ การระบุถิ่นฐาน ปกป้อง และขยายเครือข่ายแนวปะการัง Super Reefs ทั่วโลกเพื่อรักษาแนวปะการังไว้ให้คงนาน ทีมงานแนวปะการัง Super Reefs ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านมหาสมุทรศาสตร์ ด้านการอนุรักษ์ และด้านการจัดการ จาก Woods Hole Oceanographic Institution, Stanford University และ The Nature Conservancy พร้อมทั้งการสนับสนุนจากภาคเอกชนจาก Mary Kay เพื่อสนับสนุนรัฐบาลและชุมชนในช่วงเวลาอันวิกฤตนี้เพื่อประวัติศาสตร์ของแนวปะการัง

“ฉันเคยเห็นแนวปะการังที่ถูกทำลาย และแนวปะการังที่ได้รับการฟื้นฟูในช่วงชีวิตของฉัน” Elizabeth McLeod หัวหน้าฝ่าย Global Reefs Systems ที่ The Nature Conservancy กล่าว “เราจะต้องเข้าไปที่แหล่งน้ำ เพื่อระบุแนวปะการังที่สามารถมีชีวิตรอดได้จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพื่อให้แน่ใจว่า แนวปะการังเหล่านี้ได้รับการปกป้องจากผลกระทบอื่น ๆ”

“เราร่วมมือกับ The Nature Conservancy มายาวนานกว่า 32 ปี แต่เพิ่งมีการเริ่มต้นกันในส่วนนี้” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “ตลอดปี 2022 เรามีการเพิ่มกำลังด้านความยั่งยืนขึ้นเป็นสองเท่า รวมถึงการมุ่งเน้นที่ความสมบูรณ์ของมหาสมุทร ความสมบูรณ์ของมหาสมุทรสะท้อนถึงความสมบูรณ์สำหรับโลกของเรา และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำหน้าที่ของเราในการปกป้องเพื่อคงความสมบูรณ์นี้”

ในปี 2022 Mary Kay ให้การสนับสนุน 11 โครงการที่เกี่ยวข้องกับการริเริ่มในการปกป้องมหาสมุทรทั่วโลก เพื่อปรับปรุงความสมบูรณ์ของมหาสมุทรกลับสู่ธรรมชาติและเพื่อผู้คน ผ่านการปกป้องและการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญ เช่น แนวปะการัง แนวปะการังหอยนางรม และแหล่งน้ำชายเลนริมชายฝั่ง โดยโครงการสำคัญเหล่านี้ ได้แก่

  • การฟื้นฟูแนวปะการังหอยชายฝั่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกในออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน และแถบพื้นที่สามเหลี่ยมปะการัง
  • การสร้างความมั่นใจในการปกป้องและฟื้นฟูปะการังในประเทศแถบพื้นที่สามเหลี่ยมปะการัง ซึ่งครอบคลุมอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และหมู่เกาะโซโลมอน ว่าจะได้รับการสนับสนุนในการอนุรักษ์และการริเริ่มที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งภูมิภาค
  • การสนับสนุนสตรีผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมในแปซิฟิกในปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโซโลมอน
  • การอนุรักษ์และการฟื้นฟูพื้นที่ชายฝั่งในคาบสมุทรกัลฟ์และการประเมินความเป็นไปได้ของตลาดคาร์บอนสีน้ำเงินเพื่อสนับสนุนการจัดการแหล่งน้ำชายเลนริมชายฝั่งในระยะยาว และ
  • การปรับปรุงการประมงในเม็กซิโก เพื่อส่งเสริมชุมชนและสตรีในอุตสาหกรรมการประมง

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay เพื่อชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในวันนี้ เพื่อความยั่งยืนในอนาคค

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy (TNC)

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ผืนแผ่นดินและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพา โดยมีการสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ วิธีแก้ไขปัญหาเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากมากสำหรับโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปพร้อมกัน เรากำลังรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์ผืนแผ่นดิน น่านน้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยทำมาก่อน พร้อมทั้งจัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองต่าง ๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยการทำงานใน 79 ประเทศและเขตแดน เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อให้มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press ได้ที่ Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

หนึ่งในผู้ผลิตฝ้าเพดานกระจกรุ่นบุกเบิก Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งบริษัทเกี่ยวกับความสวยความงามตามความฝันของเธอขึ้นในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือ ทำให้ชีวิตของผู้หญิงทุกคนมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยความฝันของเธอได้เติบโตเบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะที่เป็นบริษัทพัฒนาสตาร์ทอัพ Mary Kay มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับผู้หญิงผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนทางวิทยาศาสตร์เสริมความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำชีวิตให้ดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยมีการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นและส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงามยิ่งขึ้น และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้ที่ FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้ที่ Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52963296/en

ติดต่อ

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

The Nature Conservancy
Misty Edgecomb
Communications Director
medgecomb@tnc.org or 484-343-3223

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.






เป้าหมายการลดคาร์บอนของ CEMEX ตรวจสอบโดย SBTi เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะโลกร้อน 1.5ºC

Logo

  • CEMEX เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลกที่ตรวจสอบเป้าหมายการลดคาร์บอนในปี 2030 ผ่าน SBTi เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะโลกร้อน 1.5ºC
  • เป้าหมายของ CEMEX เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทะเยอทะยานที่สุดในอุตสาหกรรม

มอนเตร์เรย์, เม็กซิโก–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2022

CEMEX, S.A.B. de C.V. (“CEMEX”) ประกาศวันนี้ว่า ตนเป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทั่วโลกที่ตรวจสอบเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนในปี 2030 ผ่านโครงการ Science Based Targets (SBTi) เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะโลกร้อน 1.5ºC ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความทะเยอทะยานที่สุดที่กำหนดไว้สำหรับอุตสาหกรรมนี้ การตรวจสอบนี้ประกอบด้วยเป้าหมายขอบเขต 1, 2 และ 3

CEMEX ผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่ที่สุดของโลกตะวันตกและเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตปูนซีเมนต์ เร่งความพยายามในการกำจัดคาร์บอนผ่านโครงการ Future in Action ในปี 2021 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีการหมุนเวียนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักในการเป็นบริษัทที่มี CO2  สุทธิเท่ากับศูนย์ ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็ประสบความสำเร็จในการลด CO2  ซึ่งเป็นการทำลายสถิติ และผลการดำเนินงานจนถึงปัจจุบันทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่เร็วขึ้นสำหรับปี 2030

Fernando A. González ซีอีโอของ CEMEX กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคเรา และอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างต้องเป็นคนแรกๆ ที่เริ่มกำจัดคาร์บอนให้กับสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้น” “เรามุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำบนเส้นทางสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์โดยอาศัยนวัตกรรมที่พัฒนาอยู่ตลอดและเป้าหมายเชิงรุกที่ได้รับการสนับสนุนจากความก้าวหน้าที่มีความหมายและวัดผลได้ การตรวจสอบความถูกต้องของ SBTi เป็นหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้ เรากำลังลดการปล่อยคาร์บอนในทุกส่วนของห่วงโซ่คุณค่าของเราโดยอาศัยโครงการ Future in Action และจัดหาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นส่วนหนึ่งของวิธีแก้ปัญหานี้”

Luiz Amaral ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโครงการ Science Based Targets กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศบอกว่าเราต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วและมหาศาล หากเราต้องการบรรลุเป้าหมายที่โลกการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” “ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าตามหลักวิทยาศาสตร์ และกำลังมีส่วนร่วมในการจำกัดไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 °C และ CEMEX ก็เป็นหนึ่งในนั้น”

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายของ CEMEX ที่ www.cemex.com/sustainability/future-in-action

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SBTi ที่www.sciencebasedtargets.org

CEMEX (NYSE: CX) เป็นบริษัทวัสดุก่อสร้างระดับโลกที่กำลังสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ยั่งยืน CEMEX มุ่งมั่นที่จะทำให้บริษัทบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง รวมถึงการวิจัยและการพัฒนาระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม CEMEX เป็นแนวหน้าของเศรษฐกิจหมุนเวียนในห่วงโซ่มูลค่าการก่อสร้าง และเป็นผู้บุกเบิกวิธีเพิ่มการใช้ของเสียและกากของเสียเป็นวัตถุดิบ และเชื้อเพลิงทางเลือกในดำเนินกิจการด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ CEMEX มีโซลูชั่นด้านปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ วัสดุผสม และการสร้างเมืองในประเทศที่กำลังเติบโตทั่วโลก ขับเคลื่อนโดยแรงงานข้ามชาติที่มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่: cemex.com

CEMEX ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา CEMEX ตั้งใจให้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อยู่ภายใต้บทบัญญัติด้านความปลอดภัยสำหรับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้สะท้อนถึงความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันของ CEMEX เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตโดยอิงจากความรู้ของ CEMEX เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในปัจจุบัน และสมมติฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต ตลอดจนแผนปัจจุบันของ CEMEX ตามข้อเท็จจริงและสถานการณ์ดังกล่าว ข้อความเหล่านี้จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่ CEMEX คาดหวัง เนื้อหาของข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรตีความข้อมูลดังกล่าวหรือเนื้อหาอื่นใด เช่น คำแนะนำทางกฎหมาย ภาษี การลงทุน การเงิน หรือคำแนะนำอื่นๆ CEMEX จะไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บของบุคคลที่ 3 ที่อ้างอิงหรือเข้าถึงได้ผ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สื่อประชาสัมพันธ์
Jorge Pérez
+52 (81) 8259-6666
jorgeluis.perez@cemex.com

นักวิเคราะห์และนักลงทุนสัมพันธ์
Alfredo Garza / Fabián Orta
+1 (212) 317-6011
+52 (81) 8888-4327
ir@cemex.com

แหล่งข้อมูล: CEMEX, S.A.B. de C.V.

เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่จาก Dongfeng KL, KR ในประเทศเวียดนาม สู่การเดินทางครั้งใหม่ในต่างแดน

Logo

ดานัง เวียดนาม –(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2022

วันที่ 4 พฤศจิกายน ปี 2022 Dongfeng จัดงานประชุมเปิดตัว DONGFENG KL และ DONGFENG KR อย่างยิ่งใหญ่ในเมืองดานัง ประเทศเวียดนามซึ่งเป็นสถานที่เปิดตัวรถบรรทุกทั้งสองรุ่น

Dongfeng New Trucks KL, KR Unveiled in Vietnam

รถบรรทุกรุ่นใหม่ของ Dongfeng รุ่น KL, KR เปิดตัวในประเทศเวียดนาม

เวียดนามเป็นพันธมิตรสำคัญของ “ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และเป็นตลาดต่างประเทศที่สำคัญต่อ Dongfeng อย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของตลาดเวียดนามและความต้องการของลูกค้าอย่างถี่ถ้วน จึงทำให้ Dongfeng ได้อัปเกรดเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ การตลาด และการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเปิดตัว DONGFENG KL กับ DONGFENG KR ที่ปรับโฉมใหม่หมดเพื่อให้มีความปลอดภัย เชื่อถือได้ ราคาประหยัด มีประสิทธิภาพ ชาญฉลาด และสะดวกสบายเหมาะสมกับตลาดเวียดนาม

หลังพิธีเปิดตัว ตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าได้ทดลองขับและสัมผัสประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ของรถบรรทุกจาก Dongfeng อย่างใกล้ชิด ทุกคนต่างชื่นชมงานออกแบบที่ยึดผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ความสะดวกในการใช้งาน และความสบายในการขับขี่รถโดยผ่านประสบการณ์และความรู้สึกส่วนตัว

หลังจากทดลองขับจริงแล้วผู้จัดการตัวแทนจำหน่ายของภูมิภาคกลางและภาคเหนือในประเทศเวียดนามกล่าวว่ารถบรรทุกจาก Dongfeng แพลตฟอร์มใหม่นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนได้สัมผัสรูปโฉมที่สดใหม่เท่านั้น แต่ยังยกระดับความสะดวกในการใช้งานและความสบายในการขับขี่ของแพลตฟอร์มควบคุมส่วนกลางของห้องผู้ขับ โดยเครื่องยนต์กำลังสูงที่ติดตั้งมากับตัวรถนั้นตอบโจทย์ความต้องการด้านโลจิสติกส์ของรถบรรทุกและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ในประเทศเวียดนามได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในการขายรถบรรทุกจาก Dongfeng ในอนาคต

นอกจากนี้ Dongfeng ยังคงเสริมความแข็งเกร่งให้กับกลยุทธ์ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของแบรนด์และวางแผนชุดการส่งเสริมแบรนด์ฉบับแปลเป็นภาษาต่างๆ และกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่างๆ ต่อไป ซึ่งรวมถึงการโฆษณาทางโทรทัศน์ การโฆษณาบนป้ายโฆษณาบนท้องถนน รวมถึงโลโก้ VI แบบผสมผสานอีกด้วย

ในอนาคตทาง Dongfeng จะเจาะลึกลงในตลาดเวียดนามต่อไป พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพของยานพาหนะให้สอดคล้องกับการผันผวนของตลาดอย่างสม่ำเสมอ และบรรลุถึงความก้าวหน้าในกลุ่มตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ขั้นสูงรวมทั้งให้บริการในระดับมืออาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าจึงเล็งเห็นถึงความยอดเยี่ยมในผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มใหม่ของ Dongfeng ทั้งในด้านรูปลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และราคาที่จับต้องได้

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ช่องทางการติดต่อ

China Dongfeng Motor Industry Imp. & Exp. Co. Ltd
Fan Shaoyang
อีเมล: gjb-fansy@dfmc.com.cn
เว็บไซต์: http://www.dongfeng-global.com/
ประเทศ: China

แหล่งที่มา: China Dongfeng Motor Industry Imp. & Exp. Co. Ltd

การสำรวจของ FICO: 1 ใน 6 ของผู้บริโภคชาวไทยจะออกจากธนาคารที่ใช้บริการในปัจจุบันไปหาธนาคารคู่แข่งมากขึ้นหากพวกเขาไม่ได้รับการการตอบสนองต่อการหลอกลวง

Logo

ธนาคารไทยที่ต้องการรักษาลูกค้าไว้และต้องการเพิ่มจำนวนลูกค้า จำเป็นต้องปรับปรุงการวิธีการจัดการต่อการหลอกลวง

กรุงเทพมหานคร–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2565

ไฮไลท์

  • ผู้บริโภคชาวไทยประมาณ 1 ใน 6 (15%) จะเปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารคู่แข่ง หากพวกเขารู้สึกไม่พอใจกับการตอบสนองด้านการจัดการต่อการหลอกลวงของธนาคารที่พวกเขาใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน
  • คนไทยกังวลกับการหลอกลวงโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี (ATO) มากที่สุด (33%) ตามมาด้วยการหลอกลวงเกี่ยวกับการใช่บัตร (22%)
  • 11 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคชาวไทยเชื่อว่าธนาคารสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ทำอยู่เพื่อปกป้องพวกเขา

ผลสำรวจเรื่องการฉ้อโกงทั่วโลกล่าสุดโดย FICO เผยว่าผู้บริโภคชาวไทยประมาณ 1 ใน 6 คนจะเปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารคู่แข่ง หากพวกเขารู้สึกไม่พอใจกับการจัดการต่อการหลอกลวง  ฉ้อโกง ของธนาคารที่พวกเขาใช้บริการอยู่ ประเด็นที่สำคัญคือช่วงหลังการระบาดครั้งใหญ่ ผู้บริโภคเกือบ 3 ใน 4 กล่าวว่าพวกเขาจะยังคงทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดทางออนไลน์ต่อไปและพวกเขาตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นในการป้องกันการฉ้อโกงทางออนไลน์อย่างแข็งแกร่ง

ในตลาดที่มีผู้บริโภคที่ทำธุรกรรมผ่านธนาคารประมาณ 56 ล้านราย ผู้บริโภคชาวไทย 1 ใน 6 ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีคนมากกว่า 8 ล้านคนที่เปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารคู่แข่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสถาบันสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ดีที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.fico.com/en/latest-thinking/ebook/fico-consumer-fraud-survey-2021-thailand

คนไทยกังวลมากที่สุดกับการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี  (ATO) ทว่าอาจถูกละเลยเมื่อเทียบกับภัยคุกคามอื่น

ผลสำรวจจากหลายสิบประเทศเผยว่า ประเทศไทยมีอัตราการฉ้อโกงโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี (ATO) สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตแอบอ้างเพื่อเป็นผู้ควบคุมบัญชี ในความเป็นจริง ผู้บริโภคชาวไทยหนึ่งในสี่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทนี้ เมื่อเทียบกับ 18% ของค่าเฉลี่ยของทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคชาวไทยจึงตื่นตัวต่อภัยคุกคามจากการฉ้อโกงโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี (ATO) มากที่สุด หนึ่งในสามกล่าวว่าการฉ้อโกงประเภทนี้ทำให้พวกเขากังวลมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียง 79 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เคยประสบปัญหาการฉ้อโกงโดยการแอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี (ATO) เท่านั้นที่ได้รายงานการฉ้อโกงไปยังธนาคารของตน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอัตราการรายงานอาจไม่สะท้อนให้เห็นขอบเขตที่แท้จริงของปัญหาดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน ยังมีกลโกงอื่น ๆ ที่คนไทยอาจให้ความสนใจไม่เพียงพอ ตัวอย่างเช่น แม้ว่าผู้บริโภคชาวไทย 78 เปอร์เซ็นต์วางแผนที่จะใช้การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในปีต่อ ๆ ไป แต่มีเพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่กังวลกับการถูกหลอกให้ส่งเงินให้มิจฉาชีพมากที่สุด ซึ่งเป็นประเภทของอาชญากรรมที่เรียกว่าการฉ้อโกงแบบ Authorized Push Payment (APP)

คุณ CK Leo ผู้นำด้านการจัดการการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัย และอาชญากรรมทางการเงินในเอเชียแปซิฟิกของ FICO กล่าวว่า “การฉ้อโกงแบบ APP กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย เนื่องจากเราเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในการใช้การชำระเงินแบบเรียลไทม์ มิจฉาชีพให้ความสนใจต่อการฉ้อโกงนี้เนื่องจากพวกเขาสามารถนำเงินออกจากบัญชีได้ทันที ทำให้พวกเขาสามารถหลอกเหยื่อแล้วฟอกเงินผ่านบัญชีหลายบัญชีได้”

“การป้องกันการชำระเงินแบบเรียลไทม์ต้องใช้ระบบวิเคราะห์ที่ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การใช้บัญชีหรืออุปกรณ์ที่อยู่นอกเหนือจากนิสัยปกติของพวกเขา ตลอดจนความผิดปกติตามมาตรฐานอื่น ๆ เช่น ช่วงเวลาหรือความถี่ในการโอน FICO พบว่าการใช้การรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อระบุการฉ้อโกงให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โดยตรวจพบธุรกรรมการฉ้อโกงเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์”

สร้างสมดุลในการป้องกันการฉ้อโกงอย่างแข็งแกร่งด้วยความสะดวกสบาย

เนื่องด้วยอัตราการรายงานการฉ้อโกงที่ค่อนข้างต่ำ (39%) ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศไทย (87%) กล่าวว่าธนาคารของตนดำเนินการเพียงพอที่จะรักษาเงินของพวกเขาให้ปลอดภัย มีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คิดว่าธนาคารสามารถทำได้มากกว่านี้ แต่เปอร์เซ็นต์นี้ก็ยังคงเทียบเท่ากับผู้บริโภคมากกว่า 6 ล้านคนที่มีทัศนคติเชิงลบ

ในด้านความสะดวกสบาย ผู้บริโภคครึ่งหนึ่งในประเทศไทยรู้สึกหงุดหงิดใจมากที่สุดจากการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมเกี่ยวกับการฉ้อโกงที่ล่าช้าหรือไม่มีเลย หนึ่งในสาม (33%) ไม่ชอบธนาคารที่เปลี่ยนวิธีการที่ใช้ในการยืนยันตัวตนของลูกค้า

คูณ Leo อธิบายว่า “การใช้วิธีชำระเงินแบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่เพียงขยายช่องทางให้มีการโจมตีในการฉ้อโกงมากขึ้น แต่ยังทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้าที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างความต้องการในด้านการจัดการต่อการฉ้อโกงที่เหนือกว่ากับความต้องการในด้านการสื่อสารของลูกค้า การยืนยันตัวตน และการกำหนดการยืนยันตามความพึงพอใจที่สะดวกกว่า”

การรับรู้ด้านความปลอดภัยคือทุกสิ่งทุกอย่าง

ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ด้านประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยกับความพึงพอใจในด้านการใช้งานของผู้คนด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริโภคชาวไทย 41 เปอร์เซ็นต์พึงพอใจที่จะตรวจสอบการชำระเงินด้วยการโทร ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 11 เปอร์เซ็นต์ถึงเกือบสี่เท่า ในทางตรงกันข้าม มีผู้บริโภคชาวไทยเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่พึงพอใจที่จะตรวจสอบการชำระเงินผ่านข้อความ เทียบกับกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มเดรยวกัน ส่วนช่องทางอื่น ๆ รวมถึงแอพปลิเคชันธนาคาร แอปส่งข้อความของบุคคลที่สาม และอีเมลนั้นคล้ายคลึงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มทั่วโลก

ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านการใช้บริการธนาคารดิจิทัลและการชำระเงินแบบเรียลไทม์ พวกเขามีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและมีความพอใจในการใช้งานธนาคาร ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีช่องทางดิจิทัลอื่น ๆ แล้ว

คุณ Leo ยังกล่าวอีกว่า “ผู้คนพัฒนาความรู้สึกไว้วางใจและสบายใจกับวิธีการกระทำสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการกระทำเหล่านั้นปกป้องพวกเขาจากการฉ้อโกง ด้วยเหตุนี้ ลูกค้าจึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการพัฒนาความมั่นใจในวิธีการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ แม้ว่าจะดีกว่าเดิมก็ตาม ธนาคารจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น และต้องหาวิธีเพื่อนำเสนอช่องทางใหม่ ๆ ที่น่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ และสะดวกยิ่งขึ้น”

แบบสำรวจนี้จัดทำขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2021 โดยบริษัทวิจัยอิสระรายหนึ่งและยึดถือตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการวิจัย จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวไทยที่บรรลุนิติภาวะ 1,000 คน และผู้บริโภค 11,028 รายในบราซิล แคนาดา ชิลี โคลอมเบีย เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ FICO

FICO (NYSE: FICO) ขับเคลื่อนการตัดสินใจต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้คนและธุรกิจทั่วโลกประสบความสำเร็จ บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1956 และเป็นผู้บุกเบิกการใช้การวิเคราะห์เชิงทำนายและวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจด้านการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น FICO มีสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ จำนวนกว่า 205 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มผลกำไร ความพึงพอใจของลูกค้า และการเติบโตของธุรกิจในด้านบริการทางการเงิน โทรคมนาคม บริการดูแลด้านสุขภาพ การค้าปลีก และอุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ธุรกิจในกว่า 120 ประเทศใช้โซลูชันของ FICO ดำเนินการทุกอย่าง ตั้งแต่ป้องกันการฉ้อโกงบัตรเครดิต/บัตรเดบิต 2.6 พันล้านใบ ช่วยเหลือให้ผู้คนได้รับเครดิตสินเชื่อ ตลอดจนช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องบินและรถเช่าหลายล้านคันจะอยู่อย่างถูกที่ถูกเวลา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.fico.com

เข้าร่วมพูดคุยกันได้ที่ https://twitter.com/fico และ http://www.fico.com/en/blogs/

เพื่อดูข่าวสารและทรัพยากรสื่อของ FICO โปรดไปที่ www.fico.com/news

FICO เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท Fair Isaac Corporation ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ช่องทางการติดต่อ

Neil Mirano
RICE for FICO
+65 3157 5680
neil.mirano@ricecomms.com

Saxon Shirley
FICO
+65 9171 0965
saxonshirley@fico.com

ที่มา: FICO

Mary Kay Inc. เฉลิมฉลองการปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–9 พฤศจิกายน 2022

เมื่อผู้นำระดับโลกมาประชุมกันที่การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ UN (COP 27) ในเดือนนี้ Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนระดับโลกด้านความยั่งยืนขององค์กรและการให้บริการดูแล ได้ประกาศความสำเร็จของโครงการปลูกป่าขนาด 69 เอเคอร์ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่การจัดการสัตว์ป่า Econfina Creek ในรัฐฟลอริดา โดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation จนถึงปัจจุบัน Mary Kay Inc. ได้ปลูกต้นไม้มากกว่า 1.2 ล้านต้นกับพันธมิตรทั่วโลก

(Graphic: Mary Kay Inc.)

(ภาพกราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิ Arbor Day Foundation และ Mary Kay ร่วมมือกับเขตการจัดการน้ำทางตะวันตกเฉียงเหนือของฟลอริดาเพื่อปลูกต้นสนใบยาวจำนวน 43,000 ต้น ซึ่งจะช่วยปกป้องแหล่งน้ำที่สำคัญในเบย์เคาน์ตี รัฐฟลอริดา ประโยชน์หลัก ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของโครงการ ได้แก่

  • ฟื้นฟูและรักษาแหล่งน้ำดื่มหลักสำหรับเบย์เคาน์ตี รัฐฟลอริดา
  • ปลูกทดแทนพันธุ์ไม้พื้นเมืองเพื่อให้พื้นที่นี้กลับคืนสู่สภาวะตามธรรมชาติ
  • ปรับปรุงที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในพื้นที่ เช่น กวาง นกกระทาบ็อบไวท์ สุนัขจิ้งจอกเชอร์แมน และเต่าโกเฟอร์

“พันธมิตรอย่าง Mary Kay ช่วยให้เราประสบความสำเร็จในระดับโลกซึ่งจำเป็นต่อการขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบที่มีความสำคัญผ่านต้นไม้” กล่าวโดย Dan Lambe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูลนิธิ Arbor Day Foundation “เรารู้สึกขอบคุณที่พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจของเรา และหวังว่าจะได้แก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการฟื้นฟูระบบนิเวศร่วมกันในอนาคต”

Arbor Day Foundation ประมาณการ* ว่าผลกระทบตลอด 40 ปีจะส่งผลดังนี้

  • กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ 57,387.3 เมตริกตัน
  • กำจัดมลพิษทางอากาศ 165.6 ตัน
  • สกัดกั้นปริมาณน้ำฝน 2,455,300 แกลลอน

“ต้นไม้เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับฮีโร่มากที่สุดที่โลกของเรามี” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “ต้นไม้เหล่านี้ดูดซับคาร์บอน ปรับปรุงคุณภาพน้ำ และผลิตออกซิเจนที่จำเป็น พลังของต้นไม้ไม่มีที่เปรียบ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Mary Kay Inc. ลงทุนอย่างหนักในโครงการปลูกป่าทั่วโลก”

เมื่อต้นปีนี้ Mary Kay ได้เผยแพร่รายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation โดย Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Arbor Day Foundation ร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบที่มากพอจนประเมินได้ต่อระบบนิเวศป่าไม้ที่สำคัญ

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน

โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

*การประเมินผลกระทบโดยใช้ i-Tree ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยและได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญจาก USDA Forest Service ที่ให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์และประเมินผลป่าไม้ในเขตเมืองและในชนบท

เกี่ยวกับ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นองค์กรสมาชิกไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดที่อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมีสมาชิก ผู้สนับสนุน และพันธมิตรที่มีคุณค่ามากกว่าหนึ่งล้านคน ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา มีการปลูกต้นไม้เกือบ 500 ล้านต้นในละแวกบ้าน ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการนำไปสู่โลกที่นำต้นไม้มาใช้ในการแก้ปัญหาที่สำคัญต่อการอยู่รอด

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมูลนิธิอนุรักษ์ที่ดำเนินงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation ได้ให้ความรู้และดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนทั่วโลกให้มีส่วนร่วมในภารกิจการปลูกต้นไม้ บำรุงเลี้ยง และเฉลิมฉลองต้นไม้ผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่าง ๆ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

Mary Kay Ash หนึ่งในผู้ผลิตฝ้าเพดานกระจกรุ่นดั้งเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียวคือทำให้ชีวิตผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในเส้นทางเดินของพวกเธอผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย ​​เครื่องสำอาง อาหารเสริม และน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรจากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ marykayglobal.com พบกับเราได้บน FacebookInstagram และ LinkedIn หรือติดตามเราได้บน Twitter

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/20221108005288/en/

ข้อมูลติดต่อ

Mary Kay Inc.
Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

แหล่งข้อมูล: Mary Kay Inc.





Gradiant ได้รับสัญญามูลค่ามากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนเพื่อให้บริการแก่อุตสาหกรรมที่สำคัญทั่วโลก

Logo

ลูกค้าอุตสาหกรรมโลกทั่วโลกกำลังใช้ชุดเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ Gradiant เพื่อนำความยั่งยืนมาสู่ห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา

บอสตัน–(บิสิเนส ไวร์)–11 พฤศจิกายน. 2565

Gradiant ผู้ให้บริการโซลูชั่นน้ำระดับโลก ประกาศสัญญามูลค่ารวมกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เงินทุนนี้มาจากสัญญากับลูกค้าเจ็ดรายที่ได้รับในเดือนกันยายน ประกอบด้วยบริษัทข้ามชาติด้านในเซมิคอนดักเตอร์ (สำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์) บริษัทอุปกรณ์ป้องกันทางอุตสาหกรรม (ออสเตรเลีย) อาหารและเครื่องดื่ม (เบลเยียมและสหรัฐอเมริกา) เภสัชกรรม (อินเดีย) และโครงสร้างพื้นฐาน (ออสเตรเลีย)  Gradiant จะปรับใช้โซลูชันด้านการบริหารน้ำขั้นสูงและการบำบัดน้ำเสียเพื่อให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเหล่านี้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และรับรองความต่อเนื่องทางธุรกิจ

Gradiant จะออกแบบ-สร้างโรงบำบัดน้ำเสียสำหรับโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ในสิงคโปร์ โดยจะจัดส่งตามกำหนดการเร่งรัดเพื่อให้การผลิตชิปสามารถเริ่มต้นได้ในต้นปี 2566 โปรเจ็กต์นี้รวม RO Infinity สำหรับน้ำบริสุทธิ์พิเศษและการสกัดสารปนเปื้อน Selective Contaminant เพื่อบำบัดและแยกของเสียที่ซับซ้อนเพื่อให้ได้การกู้คืนมากกว่า 80% ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมสำหรับโรงงานผลิตแผ่นเวเฟอร์ของสิงคโปร์มีอัตราการรีไซเคิลที่ 43%

โครงการที่สองมีไว้สำหรับผู้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันอุตสาหกรรมชั้นนำ โครงการนี้ตั้งอยู่ที่พื้นที่สีเขียวในอินเดีย ซึ่ง Gradiant จะส่งระบบบำบัดน้ำเสียและกำจัดของเสียเป็นศูนย์ (ZLD)  โรงงานดังกล่าวจะมีคุณลักษณะ Carrier Gas Extraction (CGE) ของ Gradiant สำหรับ ZLD และ SmartOps สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแบบเมมเบรน (membrane biological reactor – MBR) สำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง  นอกเหนือจากวิศวกรรมและการจัดหาระบบแล้ว Gradiant จะจัดให้มีการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานอย่างครอบคลุมให้แก่พนักงานลูกค้าก่อนที่โรงงานเริ่มดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2566

“เราภูมิใจที่ลูกค้าจำนวนมากขึ้นทั่วโลกกำลังนำโซลูชันของ Gradiant มาใช้เพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพการดำเนินงานและต้นทุนของสิ่งอำนวยความสะดวก และการลดการปล่อยคาร์บอนและน้ำ” Prakash Govindan ซีโอโอของ Gradiant กล่าว “รางวัลโครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่น่าสนใจของเทคโนโลยีเต็มรูปแบบของ Gradiant เรายังคงเติบโตต่อไปด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่สมบูรณ์สำหรับแอพพลิเคชั่นอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง”

Gradiant ยังได้รับสัญญาสำหรับ:

  • การบำบัดน้ำที่โรงเบียร์ในแอฟริกาสำหรับลูกค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ติดอันดับ Fortune 500
  • การบำบัดน้ำที่โรงงานผลิตยาในมาเลเซียสำหรับลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • การบำบัดน้ำเสียและการกำจัดสารอินทรีย์ในอัตราสูงที่โรงงานผลิตส่วนผสมอาหารในประเทศมาเลเซียสำหรับลูกค้าที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • โครงการบำบัดน้ำเสียสองโครงการสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยหน่วยงานรัฐบาลของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (ออสเตรเลีย)

“ด้วยการร่วมมือกับ Gradiant ลูกค้าอุตสาหกรรมทั่วโลกสามารถนำความยั่งยืนมาสู่การดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา” Govind Alagappan ประธานฝ่ายปฏิบัติการระดับโลกของ Gradiant กล่าว “เรามุ่งเน้นที่การบำบัด เพิ่มประสิทธิภาพ และการจัดการน้ำทุกอย่าง Gradiant จะพยายามช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คนปลอดภัยขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และดีขึ้น”

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลกสำหรับการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง ด้วยชุดโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant ที่ขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ  Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการดำเนินงานที่สำคัญต่อภารกิจในอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก  Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเติบโตของประชากร และความต้องการทางน้ำ  ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 450 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 12 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยม www.gradiant.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220927005112/en/

ติดต่อองค์กร:
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาด Gradiant
fwang@gradiant.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย