กิจการร่วมค้านำโดย Todd Boehly และ Clearlake Capital เสร็จสิ้นการซื้อกิจการสโมสรฟุตบอล Chelsea Football Club

Logo

เจ้าของร่วมใหม่มุ่งมั่นที่จะเติบโตและสานต่อประเพณีแห่งความเป็นเลิศด้านฟุตบอลที่ไม่มีใครเทียบได้

ลอนดอน–(บิสิเนส ไวร์)–30 พฤษภาคม 2022

กิจการร่วมค้าที่นำโดย Todd Boehly ประธานและซีอีโอของ Eldridge และ Clearlake Capital Group, LP (ร่วมกับบริษัทในเครือ “Clearlake”) ประกาศการโอนความเป็นเจ้าของ สโมสรฟุตบอล Chelsea (“Chelsea FC” หรือ “สโมสร”)  กลุ่มนี้ยังรวมถึง Hansjörg Wyss ผู้ก่อตั้ง Wyss Foundation และ Mark Walter ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Guggenheim Capital Walter และ Boehly เป็นเจ้าของทีม Los Angeles Dodgers, Los Angeles Lakers และ Los Angeles Sparks การซื้อกิจการดังกล่าวได้รับการอนุมัติที่จำเป็นทั้งหมดจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร พรีเมียร์ลีก และหน่วยงานอื่นๆ

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง Boehly และ Clearlake จะบริหารและกำกับดูแลสโมสรอย่างเท่าเทียมกัน โดย Boehly จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัทโฮลดิ้ง

Boehly และ Clearlake มุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านสำคัญเพื่อขยายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ Chelsea รวมถึงการพัฒนา Stamford Bridge ใหม่ การลงทุนเพิ่มเติมใน Academy, ทีมหญิง และสนามกีฬา Kingsmeadow เจ้าของจะยังคงทำงานสำคัญของมูลนิธิ Chelsea Foundation ต่อไป

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้บริหารคนใหม่ของสโมสรฟุตบอลเชลซี” Boehly กล่าว “พวกเราจะทุ่ม 100% ทุกนาทีของทุกนัด  วิสัยทัศน์ของเราในฐานะเจ้าของนั้นชัดเจน: เราต้องการทำให้แฟนๆ ภาคภูมิใจ  นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาทีมเยาวชนและการได้มาซึ่งพรสวรรค์ที่ดีที่สุด แผนการดำเนินงานของเราคือการลงทุนในสโมสรในระยะยาว และสร้างประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของความสำเร็จของเชลซี  โดยส่วนตัวแล้วผมอยากขอบคุณรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลอังกฤษ และพรีเมียร์ลีก สำหรับงานทั้งหมดของพวกเขาที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

Behdad Eghbali และ José E. Feliciano ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Clearlake กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทุ่มเททรัพยากรเพื่อสานต่อบทบาทนำของ Chelsea ในวงการฟุตบอลอังกฤษและระดับโลก และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพรสวรรค์ด้านฟุตบอล เราต้องการขอบคุณเจ้าหน้าที่สำหรับการทำงานทั้งหมดตลอดกระบวนการ ในฐานะผู้บุกเบิกการลงทุนด้านกีฬาและสื่อ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับท็อดด์และกลุ่มอื่น ๆ ในกลุ่มเพื่อพัฒนาสโมสรให้เติบโตอย่างมีความหมายในฐานะแพลตฟอร์มระดับโลก เราจะขยายการลงทุนของสโมสรในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อสนับสนุนทีมฟุตบอลและการค้าของ Chelsea ที่น่าทึ่ง  ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการใช้ประโยชน์จากการเติบโตนี้เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จในสนามให้มากยิ่งขึ้น”

กลุ่มเจ้าของใหม่ตระหนักถึงความทุ่มเทและความเป็นมืออาชีพของ Department for Digital, Culture, Media and Sport, HM Treasury และ Premier League ในการทบทวนการทำธุรกรรมครั้งประวัติศาสตร์และซับซ้อนนี้

Deutsche Bank, Goldman Sachs, Moelis & Company LLC และ Robey Warshaw LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มเจ้าของใหม่ Latham & Watkins LLP, Paul, Weiss, Rifkind, Wharton & Garrison LLP และ Sidley Austin LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย

Raine Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Fordstam Limited และ Chelsea FC Northridge Law LLP, Simmons & Simmons LP และ Pillsbury, Winthrop, Shaw, Pittman LP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220530005307/en/

ติดต่อ:

สำหรับ Eldridge

Nadia Damouni
ndamouni@prosek.com 
+1 646 818 9217

Aidan O'Connor
aoconnor@prosek.com 
+ 1 646 818 9283

สำหรับ Clearlake
Max Cherry
max.cherry@fgh.com 
+1 201 803 3768

Winnie Lerner
Winnie.Lerner@fgh.com 
+1 917 375 5652

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant ผู้นำด้านเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำ คว้ารางวัล Coveted Global Water Awards

Logo

Gradiant ได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีการจัดการน้ำแห่งปี” และ Synauta บริษัทการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีปฏิวัติชีวิตแห่งปี”

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2565

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันของโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น “บริษัทเทคโนโลยีการจัดการน้ำแห่งปี” และSynauta ธุรกิจด้าน AI ที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีปฏิวัติชีวิตแห่งปี” ที่งาน Global Water Intelligence (GWI) Global Water Awards ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน

ในแต่ละปี รางวัลอันทรงเกียรติเหล่านี้ยกย่องความสำเร็จที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมการจัดการน้ำทั่วโลก ผู้ชนะจะได้รับการคัดเลือกจากผู้นำธุรกิจ นักลงทุน และนักเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรมการจัดการน้ำทั่วโลกทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน Gradiant ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการจัดการน้ำและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านดังต่อไปนี้:

  • เทคโนโลยี Counterflow Reverse Osmosis (CFRO) ที่ทำให้ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้เมมเบรนเป็นจริงสำหรับผู้ใช้ในอุตสาหกรรมและเทศบาลทั่วโลก โดยสำหรับโรงงาน SWRO แห่งใหม่ ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้เมมเบรนทำให้อัตรา recovery มีค่าอยู่ที่ >99% ที่เป็นแนวคิดกระบวนทัศน์การออกแบบที่ยาวนานและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสิ้นเชิง
  • การปรับใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล SmartOps ระดับโลก ซึ่งนำเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของระบบที่มีการจ่ายน้ำแบบผันแปร คือหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเทคโนโลยีการปล่อยของเหลวขั้นต่ำและเป็นศูนย์ ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและเทศบาลต่างหันมาใช้แพลตฟอร์ม AI มากขึ้นสำหรับการจัดการน้ำและน้ำเสีย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากความยั่งยืนและแรงกดดันด้านต้นทุน ความต่อเนื่องทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ
  • กระบวนการพัฒนาของนวัตกรรมทางธุรกิจที่ใช้ประโยชนจากเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้มีสิทธิบัตรและแอปพลิเคชันมากกว่า 250 รายการ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถจัดการกับแอปพลิเคชันที่ใช้ปลายทางที่เกิดขึ้นใหม่ได้หลากหลาย โดย GWI กล่าว ณ เวลาที่มอบรางวัลว่า “ไม่มีบริษัทใดนำเสนอโซลูชั่นเพิ่มเติมต่อความท้าทายในการบำบัดน้ำที่ยากลำบากของภาคอุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา”

“นับเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมในการเติบโตทางธุรกิจ นวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีไปใช้” Anurag Bajpayee ซีอีโอของ Gradiant กล่าว “ความเชี่ยวชาญของเราในการจัดการน้ำให้เป็นแบบดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพได้สร้างมูลค่าใหม่ระยะยาวให้กับลูกค้าของเราและสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน เรารู้สึกขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ Gradiant ในการแก้ปัญหาการจัดการน้ำที่ไม่เหมือนใคร”

Synauta ซึ่งเพิ่งถูกซื้อกิจการโดย Gradiant ได้รับรางวัลสำหรับความก้าวหน้าทางการค้าในด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำระดับโลก Synauta เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานแยกเกลือออกจากน้ำทะเลผ่านอัลกอริทึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักร ซึ่งการบริการในรูปแบบ “setpoints-as-a-service” ของ Synauta ได้เสนอการปฏิวัติแนวทางปฏิบัติของผู้ประกอบการโรงงานในการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยการขยายไปสู่ภูมิศาสตร์ใหม่ ๆ และการรักษาความปลอดภัยให้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมรายใหม่ ๆ นี้ได้ตรวจสอบบทบาทของข้อมูลและการเรียนรู้ด้วยเครื่องเพื่อลดพลังงาน สารเคมี และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคตของการจัดการน้ำ

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก โซลูชันแบบครบวงจรและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant จะช่วยจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการจัดการภารกิจหลักให้แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกด้วยชุดเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant และขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจัดการน้ำ Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) บริษัทอยู่ในสถานะที่โดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร และปัญหาจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 400 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 10 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ gradiant.com  

เกี่ยวกับ Synauta

Synauta ผสมผสานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อบำบัดน้ำให้มากขึ้นโดยใช้พลังงานและสารเคมีที่น้อยลงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าของเรา อัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะกำหนดสภาวะการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมให้กับแหล่งการจัดการน้ำขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ synauta.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220520005460/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลติดต่อสำหรับองค์กร
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant 
fwang@gradiant.com

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ 
Consort Partners
gradiant@consortpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

จินตนาการถึงอนาคตและสัมผัสพลังแห่งระบบคอมพิวติ้งไปกับ GIGABYTE ที่งาน COMPUTEX 2565

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ค. 2565

GIGABYTE ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะนำเสนอ “พลังแห่งคอมพิวติ้ง หรือ Power of Computing” ซึ่งเป็นธีมแห่งปี และจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นชั้นนำที่ออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมและสาขาต่าง ๆ ในงาน COMPUTEX Taipei ที่กำลังจะมาถึง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005640/en/

Envision the Future and Take on the Power of Computing with GIGABYTE at COMPUTEX 2022

จินตนาการถึงอนาคตและสัมผัสพลังแห่งระบบคอมพิวติ้งกับ GIGABYTE ที่งาน COMPUTEX 2565

GIGABYTE ได้จัดเตรียมพรีเซนเตชันเกี่ยวกับหัวข้อ “พลังแห่งคอมพิวติ้ง หรือ Power of Computing” เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุก ๆ อย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบคลาวด์ไปจนถึงระบบเอดจ์ การทำงานร่วมกันเป็นทีมไปจนถึงการทำงานรายบุคคล แอปพลิเคชันทางธุรกิจไปจนถึงการใช้งานส่วนตัว การคำนวณแบบคอมพิวติ้งที่ทำโดยเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลเพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และระบบฝังตัวใน IoT ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อแสดงผลข้อมูลตามเวลาจริง เป็นกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมที่ก้าวล้ำที่ปรากฏอยู่บนพื้นที่ปัญญาประดิษฐ์ การปรับใช้บนคลาวด์ เทคโนโลยีอัจฉริยะ และการสร้างเนื้อหาดิจิทัล เป็นต้น

ศูนย์ข้อมูล เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่ง GIGABYTE เป็นผู้บุกเบิกที่เชื่อถือได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับนักพัฒนา และทำงานเกี่ยวกับการผสานรวมซอฟต์แวร์เพื่อจัดหาโซลูชันผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับอนาคตของยุคดิจิทัล นอกจากนี้ GIGABYTE ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ HPC เพื่อให้การรวมระบบและการเพิ่มประสิทธิภาพของ SmartNIC และ GPGPUs สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่แตกต่างหลากหลายในเซิร์ฟเวอร์ เพื่อที่จะเร่งการประมวลผลเฉพาะแอปพลิเคชันเพื่อการคำนวณคอมพิวติ้งและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น นอกเหนือไปจากการรองรับแอพพลิเคชั่นแบบคูณ x86 โดยใช้โปรเซสเซอร์ AMD และ Intel แล้ว GIGABYTE ยังเสนอทางเลือกในรูปแบบเซิร์ฟเวอร์ ARM ที่ให้การประมวลผลและการเข้ารหัสข้อมูลที่สอดคล้องกันจากเทอร์มินัลของผู้ใช้ไปสู่เอดจ์ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มการตอบสนองที่คล่องตัวเท่านั้น แต่ยังเร่งการพัฒนานวัตกรรมในยุคบุกเบิก 5G ที่ใช้ระบบประมวลผลแบบเอดจ์ อีกด้วย

GIGABYTE ทุ่มเทในการใช้ประสิทธิภาพการประมวลผลเพื่อเร่งนวัตกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิต และได้ทุ่มเทความพยายามในการพัฒนาวิธีการทำความเย็นต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โดยใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบ immersion cooling เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากการมีอยู่ของศูนย์ข้อมูล

ในยุคดิจิทัลใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานด้วย AI ทาง GIGABYTE จึงได้จับคู่เซิร์ฟเวอร์กับแพลตฟอร์ม MLSteam ของ MyelinTe เพื่อจัดคลัสเตอร์เซิร์ฟเวอร์การประมวลผล ที่เก็บข้อมูล และโหนดการจัดการทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดสรรทรัพยากร การตรวจสอบและการจัดการ และเพิ่มการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด GIGABYTE ได้ขยายประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวในแอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวัน เช่น รถยนต์ไร้คนขับและอินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ โดย ADCU series ของ GIGABYTE สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และตัดสินใจควบคุมยานพาหนะได้แบบเรียลไทม์ ส่วน T-BOX สามารถจัดการข้อมูลและการสื่อสารระหว่างยานพาหนะบนท้องถนน ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดการยานพาหนะเชิงพาณิชย์

พลังแห่งการคำนวณคอมพิวติ้ง เป็นตัวขับเคลื่อนสำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์ส่วนตัวที่ดีอีกด้วย GIGABYTE จัดแสดงภาพจำลองการทำงานร่วมกันแบบเสมือนของ NVIDIA Omniverse™ พร้อมการตั้งค่าโฮสต์-ไคลเอนต์โดยใช้เวิร์กสเตชัน W771-Z00 ประสิทธิภาพสูงและมินิพีซี BRIX แบบภาพ ซึ่งเป็นการแสดงเกมที่น่าประทับใจของโซลูชั่นการเล่นเกมระดับเรือธงที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel เจนเนอเรชั่นที่ 12  ซึ่งเป็นมาเธอร์บอร์ดและจอภาพที่ได้รับรางวัล iF Design และมาเธอร์บอร์ด AMD Socket AM5 ที่มีการออกแบบขั้นสูงและคุณสมบัติมากมายของสล็อตกราฟิก PCIe 5.0 และอินเทอร์เฟซ m.2 Gen5 และแล็ปท็อปสำหรับครีเอเตอร์/เกมมิ่งของ GIGABYTE ให้ประสิทธิภาพที่สูงพร้อมประสบการณ์ด้านภาพระดับพรีเมียม แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i9 HX ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 12 นำเสนอโอกาสของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อีกมากจาก Metaverse

ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 27 พฤษภาคม GIGABYTE ได้รับการจัดเตรียมผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ และพร้อมที่จะแสดงความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์และความรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลเพื่อเร่งให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและรักษาวิสัยทัศน์ในการ “อัปเกรดชีวิตของคุณ” ”

GIGABYTE @ COMPUTEX 2565 – https://gbte.tech/CX22

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กร GIGABYTE: https://www.gigabyte.com/enterprise

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005640/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CR Asia Group ประกาศการรีแบรนด์และเปลี่ยนชื่อเป็น CR3

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ค. 2565

CR Asia Group ประกาศเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น CR3 พร้อมกับเปลี่ยนโลโก้ขององค์กรใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงการเน้นยำด้านยุทธศาสตร์ของเราในด้านความยั่งยืนและพลังงานสะอาด โดย CR3 จะยังคงมุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานต่อไป พร้อม ๆ ไปกับการแสวงหาโอกาสในอนาคตในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

แบรนด์และโลโก้ CR3 จะถูกนำมาแทนที่ชื่อ CR Asia ที่เคยใช้สำหรับองค์กร การดำเนินงาน และโลโก้ของเราในอดีต  CR3 เป็นธุรกิจโซลูชั่นวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย ด้วยประวัติที่ยาวนาน 30 ปี และให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศทั่วเอเชีย ณ ที่ตั้งหลักถาวรในสิงคโปร์  ไทย อินเดีย และมาเลเซีย แบรนด์ใหม่ CR3 ของเรา  มุ่งมั่นที่จะขยายฐานที่ตั้งเพิ่มเติมนอกเหนือจากตลาดดั้งเดิมของเราในเอเชียเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น

แบรนด์ CR3 ใหม่ของเรา เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ เนื่องจากลูกค้าของเราที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและการลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง โลโก้ใหม่เชื่อมโยงประสบการณ์ในอดีตของ CR3 กับโอกาสในอนาคต หมายเลข “3” ของ CR3 หมายถึงการตั้งชื่อใหม่ครั้งที่ 3 จากชื่อเดิมของ Contract Resources และ CR Asia พร้อมไปกับการเน้นย้ำการดำเนินงาน 3 ทศวรรษของเราในทักษะหลัก 3 ประการของเราในด้านประสิทธิภาพพลังงาน ความเป็นเลิศทางวิศวกรรม และโซลูชันที่ยั่งยืน โลโก้สีเขียวสดใสของ CR3 เน้นย้ำถึงความสำคัญของความยั่งยืนต่อตลาดของเรา การผสมผสานระหว่างการออกแบบตัวอักษรที่ดูเป็นระบบกลไกและที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป็นการนำเสนอความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภาคพลังงานนอกเอเชีย รวมถึงการมุ่งเน้นที่การเพิ่มโซลูชันทางวิศวกรรมที่เป็นนวัตกรรมและที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

“การเปลี่ยนชื่อองค์กรถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเรา เนื่องจากเป็นการเสนอข้อความที่มุ่งเน้นการจัดหาโซลูชั่นประหยัดพลังงานเพื่อตอบสนองความท้าทายด้านคาร์บอนในปัจจุบันมากขึ้น แบรนด์ใหม่ของเราทำให้ภาพลักษณ์ทางการตลาดของเราชัดเจนขึ้นว่าเราเป็นใคร และอะไรที่ทำให้ CR3 ไม่เหมือนใคร เราเชื่อว่าสัญลักษณ์ที่โดดเด่นนี้จะชี้นำและเร่งการเติบโตและวิวัฒนาการทางธุรกิจของเรา” Mark Stansfield ซีอีโอของ CR3 กล่าว “สัญลักษณใหม่ถูกออกแบบมาเพื่อการเริ่มบทใหม่สำหรับ CR3 Group และเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในตลาดของ CR3 สำหรับลูกค้าของเรา”

สัญลักษณ์ CR3 จะปรากฏในสินทรัพย์ทางธุรกิจ ชื่อบริษัท และการสื่อสารทั้งหมด และจะถูกนำมาใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การสร้างแบรนด์และการส่งข้อความของ CR3 จะตอกย้ำตำแหน่งของตนในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันวิศวกรรมพลังงานที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนในระดับที่ต่ำสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิม

David Young ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของและผู้ขับเคลื่อนหลักในกลยุทธ์การรีแบรนด์ของ CR3 กล่าวว่า “สัญลักษณ์ใหม่ของ CR3 จะทำให้ CR3 โดดเด่นในด้านพลังงานสำหรับคู่ค้าและลูกค้าของเรา เว็บไซต์ใหม่ โลโก้ใหม่ การสร้างแบรนด์ เครื่องมือ และทรัพยากรเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อ CR3 ในการทำให้สอดคล้องกับแผนในอนาคตของเรา และเราจะนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมด้วยแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น จังหวะเวลานั้นสมบูรณ์แบบเพราะเกิดขึ้นได้ไม่นานหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ ShawKwei & Partners และจะช่วยให้ CR3 โดดเด่นออกมาจากหมู่คู่แข่ง”

โลโก้ใหม่ของ CR3 มีผลบังคับใช้ทันที และจะนำไปใช้กับบริษัท โซลูชั่น สินทรัพย์ บริการ ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ของ CSR Group

เกี่ยวกับ CR3 Group

CR3 Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 (เดิมชื่อ CR Asia Group) ให้บริการโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานแก่ลูกค้าผ่านโรงงานหลักในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินเดีย CR3 Group มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันวิศวกรรมพลังงานทั่วเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลกในอุตสาหกรรมที่เน้นให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ เช่น การผลิตพลังงาน การแปรรูปทางเคมี และกระแสไฟฟ้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220503005118/en/

ติดต่อ:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

CR3 Group

Zee Noor

ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรกลุ่ม

อีเมล: cocom@cr3.group

โทร: +65 6268 0255

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Trilliant เตรียมปรับใช้ AMI ร่วมกับ SAMART Telcoms สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของประเทศไทย

Logo

AMI จะช่วยให้ กฟภ. ปรับปรุงประสิทธิภาพการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I)

ประเทศไทย และสิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–26 พ.ค. 2565

Trilliant ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นสาธารณูปโภคสำหรับการตรวจวัดขั้นสูงและระบบสมาร์ทกริด ยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ SAMART ในการติดตั้ง Advanced Metering Infrastructure (AMI) ให้กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.)  การปรับใช้นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Trilliant ในด้านระบบสาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Andy White ประธานและซีอีโอของ Trilliant กล่าวว่า “Trilliant ทุ่มเทเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมแก่ลูกค้าของเราทั่วโลก  แพลตฟอร์มของเราให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีไร้สายแบบไฮบริดที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย ทำให้ระบบสาธารณูปโภคสามารถให้บริการระดับสูงสุดแก่ลูกค้าของพวกเขา  การเป็นพันธมิตรกับ SAMART ช่วยให้เราสามารถส่งมอบแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของเราเพื่อรองรับการปรับใช้กับหลายแบรนด์”

กฟภ. ประเทศไทย ได้ทำสัญญากับ STS Consortium ซึ่งประกอบด้วย SAMART Telcoms PCL และ SAMART Communication Services

“การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจาก Trilliant ผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก ได้เสริมความแข็งแกร่งในการนำเสนอโซลูชั่นของเราแก่กฟภ. เราตั้งตารอที่จะได้เป็นหุ้นส่วนระยะยาวและร่วมมือในอนาคตในประเทศไทย” นายสุชาติ ดวงทวี รองประธานอาวุโส SAMART Telcoms PCL กล่าว

Trilliant ได้เชื่อมต่อสมาร์ทมิเตอร์มากกว่า 3 ล้านเครื่องสำหรับลูกค้าในอินเดียและมาเลเซียแล้ว โดยมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มเติมอีก 7 ล้านเมตรในช่วง 3 ปีข้างหน้าผ่านความร่วมมือที่มีอยู่  ด้วยการเพิ่มกฟภ. เป็นลูกค้า เทคโนโลยีของ Trilliant จะถูกนำไปใช้ในบ้านใหม่หลายล้านหลังในเร็วๆ นี้ ซึ่งช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างเสถียร

การปรับใช้อย่างต่อเนื่องใน APAC เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของ Trilliant สำหรับสาธารณูปโภคและชุมชน  เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้รับรางวัล Asia-Pacific Smart Utility Communications Platform Company of the Year ประจำปี 2564 Trilliant ยังคงทุ่มเทให้กับเส้นทางนวัตกรรมเทคโนโลยี

Trilliant ยังคงร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านพลังงานเพื่อติดตั้งมาตรวัดอัจฉริยะ ระบบเฮดเอนด์ และฮับการสื่อสารให้เสร็จสมบูรณ์อย่างปลอดภัยและทันท่วงที  การใช้งานเหล่านี้สนับสนุนระบบสาธารณูปโภคในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนผ่านการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องและการจัดการบริการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ให้อำนาจแก่อุตสาหกรรมพลังงานด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่างๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันใดๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายที่ทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว  ด้วยโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเป็นไปตามข้อกำหนดทั่วโลก Trilliant ให้อำนาจคุณด้วยการเชื่อมต่อโลกแห่งสรรพสิ่ง ® www.trilliant.com

เกี่ยวกับ SAMART Telcoms PCL

SAMART TELCOMS GROUP ให้บริการโซลูชั่นและบริการด้าน ICT และนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งรวมถึง Network Solutions, Enhanced Technology และ Business Application ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบระบบ การติดตั้งและการใช้งาน การดำเนินงาน และการบำรุงรักษาในฐานะผู้นำและผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรสำหรับลูกค้าในภาครัฐและเอกชน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220525006051/en/

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com 

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Tricor Group นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขยายตลาดทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่กลุ่มอาเซียน : แนวโน้มเศรษฐกิจ ข้อมูลเชิงลึกและโอกาสทางธุรกิจ

Logo

ฮ่องกง–(บิสิเนสไวร์)–26 พฤษภาคม 2565

หลังจากอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างซบเซาในปีที่แล้ว ระบบเศรษฐกิจของสมาคมประชาชาติ แห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเติบโตและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปี 2565 และปีต่อๆ ไปตามข้อมูลจาก รายงานมุ่งเน้นกลุ่มอาเซียนของ Tricor Group : แนวโน้มเศรษฐกิจ ข้อมูลเชิงลึก และ โอกาสทางธุรกิจ  ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจเพื่อเป็นแนวทางให้กับบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ (MNCs) วิสาหกิจขนาดกลางละขนาดย่อม (SMEs)  และผู้ประกอบการที่สนใจในการจัดตั้งประกอบกิจการ และขยายการเติบโต ของธุรกิจทั่วอาเซียน

รายงานนี้นำเสนอมุมมอง ข้อสังเกต และการวิเคราะห์จากผู้บริหารระดับสูงของ Tricor ในประเด็นว่าแนวโน้มการค้าโลก มีผลกระทบต่อ การค้าการลงทุน และการขยายตลาดโลกในระบบเศรษฐกิจของอาเซียนอย่างไร  รายงานประกอบด้วย ส่วนพิเศษเกี่ยวกับ การลงนามที่สำคัญในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)   ที่เป็นการเชื่อมโยง 15 ประเทศเข้าด้วยกัน และ ครอบคลุม 30% ของประชากรโลกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก RCEP คาดว่าจะลดภาษีลง 90% ถึง 93% ของรายการภาษีข้ามพรมแดน รายงานยังมีภาพรวมของแต่ละตลาดในอาเซียน โดยมีหัวข้อเฉพาะสำหรับ การจัดตั้งบริษัท การพิจารณาด้านภาษี และสภาพแวดล้อมด้านแรงงาน

Lennard Yong CEO ของ Tricor Group กล่าวว่า “การอนุมัติกลุ่มการค้า RCEP เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการค้าโลกและ การพัฒนาที่สำคัญซึ่งจะเปลี่ยนทิศทางกระแส FDI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอีกหลายเดือนและปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจที่เติบโตเต็มที่ของอาเซียนทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการกระตุ้นให้เกิดข้อตกลง ซึ่งที่Tricor เราเฝ้าติดตามว่าข้อตกลงที่สำคัญนี้จะกระตุ้นให้เกิดแนวโน้มการค้าโลกใหม่ๆ หนุนห่วงโซ่อุปทานในเอเชียและขยายโอกาส สำหรับนักลงทุน ต่างชาติอย่างไร  ด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของไตรคอร์ในแต่ละท้องที่ และการเชื่อมต่อแบบยืดหยุ่น ช่วยเสริมสถานะของเรา ในฐานะพันธมิตร 'ที่ทุกคนเลือก' สำหรับองค์กรที่ต้องการขยายไปทั่วอาเซียน เอเชียแปซิฟิก และอื่นๆ”

Wendy Wang, CFO & COO ของ Tricor Group กล่าวว่า “ในขณะที่โควิด-19 ได้สร้างกระแสการกีดกันทางการค้าไปทั่วโลก RCEP ได้คาดการณ์ว่าเครือข่ายการค้าทั่วเอเชียจะมีขนาด ความสำคัญ และขอบเขตมากกว่าของข้อตกลงการค้า ของสหภาพยุโรป  โดยเชื่อว่าการ เปิดกว้างของตลาดที่เพิ่มขึ้นจะส่งเสริมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ  ซึ่งลักษณะเด่นที่มี แนวโน้มมากที่สุดอย่างหนึ่งของข้อตกลงนี้คือ เป็นครั้งแรกที่กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Economic) ในอาเซียนจะถูกเชื่อมโยงกับ ประเทศ มหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมในฉบับเดียว โดยที่RCEP ใกล้จะรับรองว่าการค้าภายในเอเชีย ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าการค้าระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับอเมริกาเหนือ และ ยุโรป รวมกันแล้วจะยังคงทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต สำหรับเศรษฐกิจโลกต่อไป”

David Ong CEO ของ Tricor Singapore กล่าวว่า “RCEP ส่งเสริมการค้าข้ามพรมแดนอย่างมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของเศรษฐกิจแบบเปิดและเพื่อส่งออกของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในสิงคโปร์จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในการจัดหาสินค้า หรือวัตถุดิบ  และขณะนี้สามารถเข้าถึงแหล่งผู้จัดหาสินค้าที่ใหญ่ขึ้นทั่วทั้งอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก ที่ Tricor Singapore เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ องค์กรระดับโลก และท้องถิ่นพลิกโฉมแผนธุรกิจของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาสามารถ ใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ เหล่านี้ และร่วมมือกับพันธมิตรระดับภูมิภาคเพื่อสำรวจตลาดใหม่ๆ”

Sunshine Farzan หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการสื่อสารของ Tricor Group กล่าวว่า “พาดหัวข่าวในช่วงสองปีที่ ผ่านมาถูกครอบงำโดยเรื่องราวที่อยู่ทุกหนทุกแห่ง นั่นก็คือโควิด-19  มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถคาดการณ์ได้ถึงความทุกข์ยาก และการหยุดชะงักที่แพร่หลายที่โรคระบาดใหญ่นี้มีต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจทั่วโลก แต่จากประสบการณ์ภาคพื้นสนามล่าสุดของ Tricor Group ชี้ให้เห็นว่า แม้จะมีอุปสรรค์และความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า โอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ยังมีมากมายสำหรับธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายเศรษฐกิจที่ผ่านเมื่อเร็วๆ นี้และการเกิดของ RCEP กำลังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอาเซียน ด้วยการเน้นย้ำถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้และกำหนดขั้นตอนที่เป็นไปได้ไปข้างหน้า คู่มือธุรกิจอาเซียนของ Tricor สามารถช่วยผู้นำธุรกิจและนักลงทุนให้ก้าวล้ำนำหน้าในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน”

ไฮไลท์สำคัญจากแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียนและดัชนีชี้วัดธุรกิจของ Tricor ได้แก่

  • เจาะลึกการจัดตั้งบริษัท การพิจารณาด้านภาษี และสภาพแวดล้อมด้านแรงงานสำหรับเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ
  • การสำรวจอาเซียนในฐานะที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับกลยุทธ์การลงทุนและการขยายกิจการของบรรษัท ข้ามชาติจากจีนแผ่นดินใหญ่
  • ภาพรวมของอาเซียนและผลกระทบของ RCEP โดยพิจารณาจากกระแส FDI และข้อมูลจากแหล่งภายนอก ที่ผ่าน การรับรอง ตลอดจนข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของ Tricor ว่าเหตุใดบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และนักลงทุน จึงเลือกอาเซียนสำหรับการขยายธุรกิจ
  • การวิเคราะห์จุดยืนของสิงคโปร์ในฐานะ 'ประตูสู่อาเซียน' โดยให้ความสนใจกับสาเหตุที่บรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่จากทั่วโลก ต่างมุ่งเป้าไปที่สิงคโปร์ในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับแผนการขยายธุรกิจทั่วโลก
  • สรุปความท้าทายทั่วไปและวิธีที่ Tricor ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายในการขยายกิจการทั่วโลกและการลงทุน ในระบบเศรษฐกิจของอาเซียน

ด้วยบริการและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ Tricor คำแนะนำที่ให้ไว้ในรายงานเป็นข้อมูลเชิงลึกแก่บริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ ทางธุรกิจ และการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการค้าโลกล่าสุดที่เปลี่ยนแปลงอาเซียน เอเชียแปซิฟิก และอื่นๆ

เพื่อเรียกดูคู่มือกรุณาคลิกที่นี่ https://www.tricorglobal.com/asean-in-focus-economic-outlook-insights-opportunities

ขอบคุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

HONG KONG SAR (GROUP OFFICE)

Sunshine Farzan

Tricor Services Limited

Group Head of Marketing & Communications

Tel: +852 2980 1261

Email: Sunshine.Farzan@hk.tricorglobal.com

เกี่ยวกับ Tricor Group

Tricor Group (Tricor) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจชั้นนำของเอเชีย โดยมีความรู้ครอบคลุมทั่วโลก และ มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละท้องถิ่น ในด้านธุรกิจ องค์กร นักลงทุน ทรัพยากรบุคคล และ การจัดทำเงินเดือน บริการด้านคอร์เปอเรททรัสต์ และ หนี้ และ ที่ปรึกษาด้านการกำกับดูแล Tricor เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจของลูกค้า ตั้งแต่การจัดตั้ง ไปจนถึงการเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งTricor มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วผ่านการเติบโต และ การพัฒนาที่เกิดขึ้น ตลอดจนการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน การควบรวมกิจการ และการเข้าซื้อกิจการ  โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัท มีลูกค้าประมาณ 50,000 รายทั่วโลก (รวมถึงลูกค้าประมาณ 20,000 รายในจีนแผ่นดินใหญ่) มีพนักงานประมาณ 3,000 ราย และเครือข่ายสำนักงานใน 49 เมืองใน 22 ประเทศ/เขตแดน กลุ่มลูกค้าของเราประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 2,000 แห่งในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ สิงคโปร์ และมาเลเซีย และมากกว่า 40% ของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune Global 500 รวมถึงบรรษัทข้ามชาติและองค์กรเอกชนที่ประกอบกิจการในตลาดระหว่างประเทศจำนวนมาก

เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์: www.tricorglobal.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

bitbank inc. ผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 พ.ค. 2565

bitbank, inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว ญี่ปุ่น CEO: Noriyuki Hirosue) และ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. (HQ: Tokyo Japan, ผู้อำนวยการ, ประธาน: Toru Takakura) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้ง “Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc*1 หรือ “JADAT”” ซึ่งจะเป็นบริษัทเตรียมการเพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล*2 โดยในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของ SuMi TRUST Holdings ในการลงทุนใน JADAT

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

bitbank, inc., a crypto asset exchange operator, has signed a MOU with Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. to establish a trust company specializing in digital assets

bitbank, inc. ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์คริปโต ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Sumitomo Mitsui Trust Holdings, Inc. เพื่อจัดตั้งบริษัททรัสต์ที่เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล “JADAT” (กราฟิก: Business Wire)

JADAT จะได้ความรู้ know-how เกี่ยวกับระบบการจัดการการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลจากระดับความปลอดภัยขั้นสูงของ bitbank และของประเทศญี่ปุ่น และได้ความรู้ know-how ด้านธุรกิจทรัสต์จาก SuMi TRUST Holdings ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารทรัสต์เฉพาะทาง

*1 หลังจากการจดทะเบียนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติธุรกิจทรัสต์ คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็น Japan Digital Asset Trust, inc..

*2 สินทรัพย์ Crypto, โทเค็นความปลอดภัยบนบล็อคเชนสาธารณะ, สเตเบิลคอยน์ และ NFT

เกี่ยวกับบริษัทใหม่

ชื่อ: Japan Digital Asset Trust Preparatory Company, inc.

ซีอีโอ: Noriyuki Hirosue

เนื้อหาธุรกิจ: ธุรกิจการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล

เว็บไซต์: http://jadat.com/en

เกี่ยวกับ bitbank, inc.

[บทนำ]

bitbank ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ crypto ของญี่ปุ่น ซึ่งมีปริมาณการค้าในประเทศต่อเดือนที่ 731.7 พันล้านเยน ส่วนแบ่งปริมาณการค้าในประเทศ 33.7% (ในเดือนเมษายน 2564) และเงินฝากของลูกค้ามากกว่า 300 พันล้านเยน บริษัทกำลังขยายตัวขนาดธุรกิจอย่างรวดเร็ว  เพื่อขยายตลาดสินทรัพย์ crypto ในประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น อนึ่ง ด้วยจุดแข็งของเราในด้านเทคโนโลยีการจัดเก็บสินทรัพย์ crypto สภาพคล่องของการซื้อขายแบบสปอต, ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ทำให้เราจะมีส่วนร่วมในการขยายตัวต่อไปของตลาดสินทรัพย์ crypto ผ่านธุรกิจที่ไว้วางใจสินทรัพย์ดิจิทัลกับ JADAT

[ชื่อบริษัท]

bitbank, inc.

[URL]

https://bitbank.cc/about/corporate

[CEO]

Noriyuki Hirosue

[ที่อยู่]

141-0031 7F, KDX Nishigotanda Building, 7-20-9 Nishigotanda, Shinagawa, Tokyo, Japan

[วันก่อตั้ง]

7 พ.ค., 2557

[ทุนเริ่มต้น]

8,647.21 ล้านเยน (รวมทุนสำรอง)

[คำอธิบายธุรกิจ]

บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ Crypto (cryptocurrency)

ผู้ดำเนินการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ Crypto ทะเบียนเลขที่ 00004 ออกโดยผู้อำนวยการสำนักการเงินท้องถิ่นคันโต

[สมาชิกภาพ]

Japan Virtual and Crypto assets Exchange Association (JVCEA)

Japan Crypto Asset Business Association (JCBA)

Blockchain Collaborative Consortium (BCCC)

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220523005408/en/

ติดต่อ:

bitbank, inc.

Midori Abe

+81-50-1751-8600

midori.abe@bitcoinbank.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant เข้าซื้อกิจการบริษัทด้าน Machine Learning อย่าง Synauta เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ในการจัดการน้ำ

Logo

แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนของ Gradiant ที่ผสานกับ AI ของ Synauta จะสร้างแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดน้ำเสียและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีการใช้พลังงานและสารเคมีในอัตราที่ต่ำ รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2565

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Synauta ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำอัจฉริยะของแคนาดา เพื่อเร่งใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนสำหรับจัดการน้ำ Gradiant เป็นผู้บุกเบิกการใช้แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนในการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล รวมถึงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การเข้าซื้อกิจการจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ Gradiant ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการจัดการน้ำแบบครบวงจร และเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนเพื่อการจัดการน้ำผ่านระบบดิจิทัลในอนาคต

Prakash Govindan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gradiant กล่าวว่า “การจัดการน้ำด้วยระบบดิจิทัลเป็นหน่วยที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำทั่วโลก และการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกัน การนำแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนมาใช้ในการจัดการน้ำจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบ 5G ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การบำบัดน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมจะอัจฉริยะขึ้น สะอาดขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผสมผสานกับแบบจำลองข้อมูลอัจฉริยะของ Synauta”

Gradiant เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยให้บริการโซลูชันน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การดำเนินงาน และการบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สูงสุด ซึ่งรวมอยู่ในแพลตฟอร์มดิจิทัลเพียงแห่งเดียวให้แก่ลูกค้าต่าง ๆ ได้แก่ Micron, Glaxo Smith Kline, Pfizer, Rio Tinto และ Coca-Cola การจัดการโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำทั่วโลกถูกประเมินว่าจะใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และโซลูชันดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ การวิจัยทางการตลาดล่าสุดคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบน้ำดิจิทัลแต่ละปีจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐต่างหันมาใช้แพลตฟอร์ม AI มากขึ้นในการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสีย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากแรงกดดันด้านความยั่งยืนและต้นทุน ความต่อเนื่องทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพอากาศ

อัลกอริทึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรของ AI อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ Synauta จะถูกนำไปใช้ในโรงงานแยกเกลือของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก เทคโนโลยีของ Synauta จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการกำหนดเงื่อนไขการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามข้อมูลกระบวนการแบบเรียลไทม์ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำ เช่น PUB ในสิงคโปร์, Veolia, Aqualia, Engie และ GHD

Mike Dixon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Synauta กล่าวว่า “การเข้าร่วม Gradiant จะทำให้ Synauta สามารถจัดการข้อมูลและ AI เพื่อปรับใช้งานในภาคอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะสร้างขุมพลังดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมการจัดการน้ำ ซึ่งจะทำให้เป้าหมายด้านความยั่งยืนทางน้ำในภาคอุตสาหกรรมเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น” 

การชำระเงินจะเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมและคาดว่าจะปิดได้ในไตรมาสที่สองของปี 2565

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลกสำหรับการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง โซลูชันแบบครบวงจรและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant จะช่วยจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการจัดการภารกิจหลักให้แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกด้วยชุดเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant และขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจัดการน้ำ Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างและปรับใช้โซลูชันการบำบัดน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทอยู่ในสถานะที่โดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร และปัญหาจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 400 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 10 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ gradiant.com  

เกี่ยวกับ Synauta

Synauta ผสมผสานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วย AI เพื่อบำบัดน้ำมากขึ้นโดยใช้พลังงานและสารเคมีน้อยลงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าของเรา อัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะกำหนดสภาวะการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมให้กับแหล่งน้ำขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ synauta.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220517005044/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลติดต่อสำหรับองค์กร 
Felix Wang 
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant 
fwang@gradiant.com 

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ 
Consort Partners 
gradiant@consortpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ร่วมมือกับพันธมิตรในยุโรปเพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมพื้นเมือง

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

แนวปะการังและหอยนางรมเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมด้วยการดูแลระบบนิเวศต่างๆ  หอยนางรมตัวเดียวสามารถกรองน้ำได้มากถึง 240 ลิตรต่อวัน ส่งผลให้ปรับปรุงคุณภาพน้ำและความใสมากขึ้น และสนับสนุนปลาและสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีเอกลักษณ์และมีความหลากหลายสูง  ในขณะเดียวกัน แนวปะการังหอยนางรมเป็นที่อยู่อาศัยทางทะเลที่ถูกคุกคามมากที่สุดในโลก โดยสูญเสียไปประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005168/en/

Mary Kay logo

โลโก้ Mary Kay

ในการเฉลิมฉลองวันสัตว์ใกล้สูญพันธุ์โลกและวันสากลเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ  Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกใน ความยั่งยืนขององค์กร ประกาศความร่วมมือกับ The Nature Conservancy (TNC) และพันธมิตรในยุโรป เพื่อสนับสนุนโครงการฟื้นฟูหอยนางรมพื้นเมืองในภาคพื้นทวีปสหราชอาณาจักรและยุโรป

TNC ได้ช่วยเปิดตัว Native Oyster Restoration Alliance (NORA) ซึ่งเป็นเครือข่ายในยุโรปที่ประกอบด้วยหน่วยงานของรัฐ นักวิทยาศาสตร์ เอ็นจีโอ ผู้ปลูกหอยนางรม และองค์กรเอกชน  ทีมงานกำลังร่วมมือกันในการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยนางรมพื้นเมืองของยุโรป ดังนั้นจึงสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพที่ต้องพึ่งพาอาศัยและช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำอีกครั้ง

“แนวปะการังหอยนางรมเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ในการอนุรักษ์ระบบธรรมชาติ” Dr. Elizabeth McLeod ผู้นำด้านการอนุรักษ์แนวปะการังในโครงการ Global Reef ของ TNC กล่าว “ประชากรหอยนางรมที่มีสุขภาพดีช่วยให้น้ำสะอาดขึ้นและช่วยปกป้องพื้นที่ชายฝั่งทะเลและผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ด้วยการสนับสนุนจากผู้ให้ทุนอย่าง Mary Kay TNC สามารถกู้คืนและปกป้องระบบที่สำคัญเหล่านี้ได้ในระยะยาว”

ความร่วมมือระหว่าง Mary Kay กับ TNC และเครือข่าย NORA จะสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรทางทะเลทั่วยุโรป ตัวอย่าง ได้แก่

  • ฟื้นฟูหอยนางรมในสหราชอาณาจักร
    • เขตอนุรักษ์ทางทะเลของ Blackwater, Crouch, Roach และ Colne Estuaries (MCZ): พื้นที่คุ้มครองทางทะเล 284 ตารางกิโลเมตรนี้ถูกกำหนดในปี 2013 สำหรับหอยนางรมพื้นเมือง โดยมีพื้นที่ เป็นโครงการฟื้นฟูที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
    • The Solent (ช่องแคบของน้ำที่แยก Isle of Wight จากแผ่นดินใหญ่ของสหราชอาณาจักร): ประชากรหอยนางรมถูกทำลายตั้งแต่สมัยโรมัน  อันที่จริง ระหว่างปี 2515-2549 เป็นแหล่งการประมงหอยนางรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป  อย่างไรก็ตาม การจับปลามากเกินไป โรคภัย และการปล้นสะดมทำให้เกิดการล่มสลายและการปิดตัวในที่สุดในปี 2556 โดยมีผู้ทำประมงที่จำกัดและเข้าถึงเป็นครั้งคราวเท่านั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
  • การฟื้นฟูหอยนางรมในยุโรป
    • ทะเลเหนือของเยอรมัน: บริเวณนี้เป็นแหล่ของหอยนางรมยุโรปพื้นเมืองที่แพร่หลายในอดีต แต่ถูกจำแนกว่าใกล้สูญพันธุ์ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20  สิ่งมีชีวิตแต่ละชิ้นนั้นหายากมาก และชนิดนี้อยู่ในบัญชีแดงของ IUCN ของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ โครงการนี้กำลังพัฒนาและทดสอบวิธีการนอกชายฝั่งเพื่อการฟื้นฟูสต็อกหอยนางรมในพื้นที่ในระยะยาว

“Mary Kay ภูมิใจที่ได้สนับสนุนงานของ The Nature Conservancy เพื่อช่วยรื้อฟื้นหอยนางรมพื้นเมืองของยุโรปเพื่อฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที่สำคัญ” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “ประสบการณ์มากมายของ The Nature Conservancy ในการฟื้นฟูแนวปะการังหอยนางรมในสี่ทวีปทำให้เรามั่นใจในความพยายามของพวกเขาในการฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งเหล่านี้ในน่านน้ำทางทะเลของยุโรป ที่แมรี่ เคย์ เรามุ่งความสนใจไปที่การจากโลกนี้ไปให้ดีขึ้นกว่าที่เราพบ ซึ่งรวมถึงการปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก”

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน โปรดไปที่ marykayglobal.com/sustainability และดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ที่ชื่อ Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตพึ่งพา  ภายใต้การนำของวิทยาศาสตร์ เราสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงสำหรับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์ที่ดิน น้ำ และมหาสมุทรในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองต่างๆ มีความยั่งยืนมากขึ้น ใน 79 ประเทศและดินแดน  เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่นๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว: การทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย  Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ การปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว เพื่อทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com ติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagramและ LinkedIn หรือ  Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005168/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications (ฝ่ายสื่อสารองค์กร)
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







Toshiba ขยายความร่วมมือกับ MikroElektronika เปิดตัว Clicker 4 สำหรับบอร์ดพัฒนา TMPM4K เพื่อใช้ในการควบคุมมอเตอร์

Logo

ซึ่งจะเป็นการประเมินผลพารามิเตอร์ที่ใช้งานหลัก ๆ อย่างครอบคลุม และใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) กำลังเพิ่มการสนับสนุนที่สามารถนำเสนอให้แก่โครงการออกแบบการควบคุมมอเตอร์ให้มากขึ้นผ่านระบบนิเวศของพันธมิตรด้านเทคโนโลยี การขยายความร่วมมือไปยัง MikroElektronika (MIKROE) ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์มประเมินผลแบบใหม่ได้ในขณะนี้

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

Toshiba: A

Toshiba: “Clicker 4 สำหรับ TMPM4K” ที่วางซ้อนบน “Clicker 4 Inverter Shield” โดยทั้งคู่มาจาก MIKROE (ภาพ: Business Wire)

บอร์ดพัฒนา Clicker 4 จาก MIKROE สำหรับ M4K MCU ของ Toshiba ที่ผสานกับ Clicker 4 Inverter Shield จะเป็นโซลูชันที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าสำหรับการทดลองใช้งานในสถานการณ์ควบคุมมอเตอร์ BLDC โดย Clicker 4 สำหรับ TMPM4K จะมีโปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องที่มาพร้อมตัวบอร์ด ซึ่งไม่ต้องใช้โปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องภายนอก และจะประกอบด้วยเต้ารับ mikroBUS™ 4 ช่องเพื่อเชื่อมต่อกับบอร์ด MIKROE Click™ ที่หลากหลาย ทำให้สามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเชื่อมต่อส่วนขยาย พอร์ตแก้ไขจุดบกพร่อง JTAG/SWD ไฟ LED และปุ่มกด บอร์ดนี้มาพร้อมกับ Clicker 4 Inverter Shield ซึ่งมี MOSFET 6 ตัวสำหรับใช้งานมอเตอร์ สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้ควบคุมแรงดันไฟฟ้าของมอเตอร์สูงสุด 48 โวลต์ พร้อมแหล่งจ่ายไฟควบคุม 5 โวลต์ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายไฟให้กับบอร์ดควบคุมภายนอกได้ การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้มีการรับข้อมูลป้อนกลับตำแหน่งจากเซ็นเซอร์ Hall และเอ็นโค้ดเดอร์แบบเพิ่มค่า และยังมีการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินเพื่อความมั่นใจในการใช้งาน

M4K MCU นั้นถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมเพื่อนำไปใช้ในการควบคุมมอเตอร์รุ่นต่อไป อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนโปรเซสเซอร์ Arm® Cortex®-M4 ที่มีส่วนการคำนวณเลขที่เป็นจุดทศนิยม (FPU) และมีหน่วยป้องกันหน่วยความจำ (MPU) ด้วย อุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำงานได้ที่ 160MHz และมีฟังก์ชันตัวขับมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง (A-PMD) ควบคู่ไปกับความสามารถขั้นสูงของ vector engine plus (A-VE+) เพื่อใช้ในการควบคุม vector ทรัพยากรหน่วยความจำประกอบด้วยแฟลชรหัสขนาด 256kBytes และแฟลชข้อมูลขนาด 32kBytes

Clicker 4 สำหรับ TMPM4K และ Clicker 4 Inverter Shield ได้รับการสนับสนุนโดยซอฟต์แวร์ MCU Motor Studio ซึ่งจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของ Toshiba ซอฟท์แวร์นี้เป็นซอฟต์แวร์ที่เรียบง่าย มีโครงสร้างที่ดี และใช้งานได้หลากหลาย โดยมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่ Motor Control PC Tool ที่มีการกำหนดค่าพารามิเตอร์ การควบคุมไดรฟ์ และการบันทึกและการวินิจฉัยแบบเรียลไทม์ผ่าน UART ความเร็วสูง และ Motor Control Firmware ที่กำหนดค่าและจัดการได้อย่างเต็มที่สำหรับ M4K MCU

เกี่ยวกับ MIKROE

MIKROE เป็นผู้ผลิตเครื่องมือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาระบบฝังตัว บริษัทผลิตบอร์ดต่าง ๆ สำหรับเชื่อมต่อไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์ ไดรเวอร์มอเตอร์ และอื่น ๆ 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIKROE ที่: https://www.mikroe.com/

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ M4K MCU ของ Toshiba สำหรับการควบคุมมอเตอร์ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่: 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

* บอร์ด mikroBUS และ Click เป็นเครื่องหมายการค้าของ MIKROE 
* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก 
* TXZ+ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง 
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 23,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า: 
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล 
โทร: +81-44-548-2233 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ: 
K.Tanaka, E.Sugizaki 
กลุ่มสื่อสารองค์กรและข้อมูลการตลาด 
ฝ่ายวางแผนเชิงกลยุทธ์ 
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
โทร: +81-44-548-2122 
เมล: tdsc-publicrelations@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย