โตชิบาขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อีเทอร์เน็ตบริดจ์ไอซีสำหรับระบบสื่อสารข้อมูลยานยนต์และอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

พร้อมด้วยพอร์ต 10Gbps Ethernet AVB/TSN สองพอร์ตและสวิตช์พอร์ต PCIe® Gen 3 สามพอร์ต

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(บิสิเนสไวร์)– 12 ม.ค. 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เพิ่ม “TC9563XBG” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อีเทอร์เน็ตบริดจ์ไอซีเพื่อรองรับการสื่อสาร 10Gbps ในระบบสื่อสารข้อมูลยานยนต์และอุปกรณ์อุตสาหกรรม โดยได้เริ่มจัดส่งตัวอย่างแล้วและการผลิตจำนวนมากจะเริ่มในเดือนสิงหาคม 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005566/en/

Toshiba: an Ethernet bridge IC “TC9563XBG” which provides support for 10Gbps communications in automotive information communications systems and industrial equipment. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: Ethernet bridge IC “TC9563XBG” ซึ่งรองรับการสื่อสาร 10Gbps ในระบบสื่อสารข้อมูลยานยนต์และอุปกรณ์อุตสาหกรรม (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

เครือข่ายยานยนต์กำลังพัฒนาไปสู่สถาปัตยกรรมโซน[1] โดยที่การสื่อสารระหว่างโซนต่างๆ ใช้การส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์แบบหลายกิกะไบต์[2 ]ผ่านอีเทอร์เน็ตในอัตรา 1Gbps หรือสูงกว่า  สะพาน IC ใหม่เป็น อีเธอร์เน็ต 10Gbps แบบพอร์ตรุ่นแรกของโตชิบาและอินเตอร์เฟซสามารถเลือกได้จาก USXGMII, XFI, SGMII และ RGMII[3]  พอร์ตทั้งสองรองรับ Ethernet AVB[4] และ TSN[5] ซึ่งอำนวยความสะดวกในการประมวลผลแบบเรียลไทม์และการประมวลผลแบบซิงโครนัสตามลำดับ นอกจากนี้ยังสนับสนุน SR-IOV (ฟังก์ชั่นเสมือน) แบบง่าย[6]  การผสมผสานคุณสมบัติเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ใหม่ทำให้เกิดโซลูชั่นที่เหมาะสมกับเครือข่ายยานยนต์ยุคหน้า

เนื่องจากความเร็วของอุปกรณ์สื่อสารยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ IC ใหม่นี้จึงไม่เพียงแต่ใช้ได้กับสถาปัตยกรรมโซนเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับการใช้งานด้านยานยนต์ต่างๆ เช่น IVI และเทเลเมติกส์ และในอุปกรณ์อุตสาหกรรมด้วย นอกจากนี้ยังถูกกำหนดให้เป็นรุ่นสืบทอดผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TC9560 และ TC9562 ปัจจุบันที่รองรับอีเทอร์เน็ต 1Gbps

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีอุปกรณ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ได้รับการติดตั้งอินเทอร์เฟซ PCIe สำหรับการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์กับอุปกรณ์ เช่น Wi-Fi® และโฮสต์ SoC มีแนวโน้มที่จะใช้อินเทอร์เฟซ PCIe ไม่เพียงพอ  TC9563XBG มีพอร์ตสวิตช์ PCIe Gen 3 สามพอร์ตสำหรับการสื่อสารกับโฮสต์ SoC และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe  ส่วนของสวิตช์ PCIe ได้รับการกำหนดค่าด้วยพอร์ตอัปสตรีม 4 เลนหนึ่งพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับโฮสต์ SoC และพอร์ตดาวน์สตรีม 1 เลนสองพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีอินเทอร์เฟซ PCIe  การใช้ฟังก์ชันสวิตช์ PCIe แบบ 3 พอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถช่วยลดปัญหาการขาดแคลนอินเทอร์เฟซ PCIe

TC9563XBG จะเป็น AEC-Q100 ระดับ 3[7] ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

หมายเหตุ:

[1] สถาปัตยกรรมโซน: การกำหนดค่าเครือข่ายที่คาดว่าจะใช้สำหรับเครือข่ายยานยนต์ยุคหน้า ซึ่งยานพาหนะแบ่งออกเป็นหลายโซนที่สื่อสารกันด้วยความเร็วสูงสำหรับการทำงานร่วมกัน

[2] Multi-gig: Multi-Gigabit Ethernet (2.5Gbps ถึง 10Gbps) เครือข่ายยานยนต์ล่าสุดต้องการแบนด์วิดท์ที่มากกว่า 1Gbps

[3] USXGMII, XFI, SGMII, RGMII: มาตรฐานสำหรับอินเทอร์เฟซอีเทอร์เน็ต USXGMII = Universal Serial 10 Gigabit Media อินเทอร์เฟซอิสระ; XFI = อินเทอร์เฟซแบบอนุกรม 10 กิกะบิต; SGMII = อินเตอร์เฟสอิสระของ Serial Gigabit Media; RGMII = อินเทอร์เฟซอิสระสื่อกิกะบิตที่ลดลง

[4] อีเธอร์เน็ต AVB: IEEE802.1 การเชื่อมต่อเสียง/วิดีโอ มาตรฐานสำหรับการจัดการข้อมูลเสียงและวิดีโอโดยใช้เทคโนโลยีมาตรฐานอีเทอร์เน็ต

[5] อีเธอร์เน็ต TSN: IEEE802.1 เครือข่ายที่ไวต่อเวลา มาตรฐานสำหรับการส่งข้อมูลที่มีเวลาแฝงต่ำกว่า AVB

[6] SR-IOV: การจำลองเสมือน I/O รูทเดียว มาตรฐานที่รองรับการจำลองเสมือนบนอุปกรณ์ PCI

[7] AEC-Q100 เกรด 3: มาตรฐานการทดสอบที่กำหนดโดยอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือของไอซี

การใช้งาน

  • สาระบันเทิงสำหรับยานยนต์
  • telematics สำหรับยานยนต์
  • เกตเวย์ยานยนต์
  • อุปกรณ์อุตสาหกรรม

คุณสมบัติ

  • อีเธอร์เน็ต 10Gbps 2 พอร์ต (เลือกได้จาก USXGMII, XFI, SGMII หรือ RGMII)
  • สวิตช์ PCIe Gen3 3 พอร์ต
  • ผ่านการรับรอง AEC-Q100 เกรด 3

ข้อมูลจำเพาะหลัก

หมายเลขชิ้นส่วน

TC9563XBG

CPU Core

Arm® Cortex®-M3

HOST (ภายนอกแอปพลิเคชัน)

อินเทอร์เฟซ

PCIe I/F: Gen3.0 (8GT/s) สวิตช์ 3 พอร์ต อัพ

สตรีม: 1 พอร์ต × 4 เลน

ดาวน์สตรีม: 2 พอร์ตแต่ละช่อง x1 เลน

รองรับสถานะพลังงานต่ำของสถานะย่อย L0s, L1 และ L1 PM เป็นการจัดการพลังงาน

SR-IOV แบบง่าย (ฟังก์ชันเสมือน) พร้อมใช้งาน

อินเทอเฟซยานยนต์

Ethernet AVB, MAC ในตัวพร้อมรองรับ TSN (2 พอร์ต)

อินเทอร์เฟซที่รองรับคือ:

PortA: เลือกได้จาก USXGMII, XFI และ SGMII

PortB: เลือกได้จาก USXGMII, XFI, SGMII และ RGMII

ความเร็วในการสื่อสารคือ:

หากเลือก USXGMII: 2.5G/5G/10Gbps

หากเลือก XFI: 10M/100M/1000M/2.5G/5G/10Gbps

หากเลือก SGMII: 10M/100M/1000M/2.5Gbps

หากเลือก RGMII: 10M/100M/1000Mbps

อินเทอร์เฟซอุปกรณ์ต่อพ่วง

  • เลือกได้จาก I2C หรือ SPI
  • UART 1ch
  • พอร์ตอินเตอร์รัปต์
  • GPIO

การจ่ายแรงดันไฟ

เลือกได้ตั้งแต่ 1.8V/3.3V (IO)

1.8V (USXGMII/XFI/SGMII/RGMII)

1.8V (PCIe, PLL, OSC)

0.9V (Core)

แพ็คเกจ

P-FBGA 220, 10mmx10mm, 0.65mm pitch

ดู URL ด้านล่างสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TC9563XBG

ดู URL ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Automotive Ethernet Bridge IC ของโตชิบา

Automotive Ethernet Bridge ICs

* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm Limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือที่อื่น ๆ

* Wi-Fi เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Wi-Fi Alliance

* PCIe® และ PCI Express® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

สอบถามข้อมูลลูกค้า

MCU & Digital Device Sales & Marketing Dept.

Contact Us

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำของโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง โดยใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกอิสระ ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

พนักงานของบริษัท 22,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการร่วมสร้างมูลค่าและตลาดใหม่  ด้วยยอดขายประจำปีที่สูงกว่า 710 พันล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ตั้งตารอที่จะสร้างและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนทุกที่

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005566/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81-44-549-8361 semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Medisca เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล สำหรับสายผลิตภัณฑ์ ORA ของ Padagis

Logo

มอนทรีออล–(BUSINESS WIRE)–12 ม.ค. 2565

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา Medisca ได้ทำข้อตกลงในการผลิต การจัดหา ออกใบอนุญาต และการจัดจำหน่ายระดับโลกกับ บริษัท Padagis (เดิมชื่อ Rx Division of Perrigo) สำหรับสายผลิตภัณฑ์ ORA ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ Padagis อย่าง: ORA-Plus® , ORA-Sweet®, ORA-Sweet® SF, ORA-Blend® และ ORA-Blend® SF ด้วยเหตุนี้ Medisca จึงมีสิทธิพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟในการจัดจำหน่ายในตลาดทั่วโลกทั้งหมด ยกเว้นสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล และยังมีสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแบบไม่ผูกขาด พร้อมกับสิทธิประโยชน์ตามสัญญาในออสเตรเลีย อีกด้วย

“ข้อตกลงแบบเอ็กซ์คลูซีฟนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Medisca ในฐานะผู้บุกเบิกด้านการแพทย์เฉพาะบุคคลทั่วโลก” Panagiota Danopoulos รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกของ Medisca กล่าว “การเป็นพันธมิตรกับ Padagis เป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายการเข้าถึงของเรา ไปพร้อม ๆ กับการที่เรายังคงสร้างพลังของแบรนด์ Medisca ต่อไป เพื่อให้เป็นผู้บุกเบิกระดับโลกในด้านการผสมยา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพอื่น ๆ”

ผลิตภัณฑ์ ORA ซึ่งถูกผลิตโดย Padagis ในรัฐมินนิโซตา ได้รับการพัฒนาขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้วโดย Paddock Laboratories ซึ่ง Perrigo ได้เข้าซื้อกิจการในปี 2554  และเป็นยาที่พ่นเข้าทางปาก ที่มีมายาวนานที่สุดในตลาด โดยมีการศึกษาเกี่ยวกับความเสถียรมากกว่า 150 การศึกษา เพื่อรองรับการใช้งานจริง อันที่จริงแล้ว ประวัติการศึกษาวิจัยที่ไม่มีใครเทียบได้นี้เอง ที่เป็นกุญแจสำคัญที่ว่าทำไมหลาย ๆ คนจึงมองว่าผลิตภัณฑ์ ORA เป็นยาพ่นช่องปากที่คนนึกถึงเป็นตัวแรกทั่วโลก นอกเหนือจากไปจากยาแล้ว แบรนด์ ORA ยังคงสร้างชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยพบได้ในห้างสรรพสินค้าเหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ซื้อจากเคาน์เตอร์ได้ และยังถูกรวมอยู่ในรายการยาสำเร็จรูปที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แล้วอีกด้วย

Colter VanStedum รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Padagis กล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ORA ได้ใช้ผู้จัดจำหน่ายหลายรายทั่วโลก “การตัดสินใจของเราที่จะรวมศูนย์การจัดจำหน่ายผ่าน Medisca ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากความสามารถในการจัดจำหน่ายทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ ORA มีศักยภาพมหาศาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลเด็ก และควรได้รับการจำหน่ายอย่างแพร่หลายสำหรับเภสัชกร แพทย์ และที่สำคัญที่สุดคือผู้ป่วยในทุกตลาดทั่วโลก การสร้างความร่วมมือครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มผลกระทบเชิงบวกสูงสุดต่อผู้ป่วยทั่วโลก”

Danopoulos กล่าวเสริมว่า “มาตรฐานคุณภาพของ Medisca และเครือข่ายระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ช่วยให้สามารถลงนามในข้อตกลงเช่นนี้ได้ เป็นอีกก้าวสำคัญในความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตและความเป็นผู้นำ เพื่อสร้างความแตกต่างที่มีความหมายและยั่งยืนในตลาดเกิดใหม่”

ด้วยข้อตกลงนี้ Medisca จะยื่นคำขอเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศในบางประเทศด้วยชื่อของบริษัทเอง

เกี่ยวกับ MEDISCA

MEDISCA เป็นผู้นำระดับโลกด้านการดูแลสุขภาพด้วยรากฐานที่มั่นคงในด้านการผสมยาและความก้าวหน้าในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆ โดยเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ที่ MEDISCA ได้ให้บริการร้านขายยาและสถาบันสุขภาพที่เป็นพันธมิตรกันด้วยข้อเสนอที่ล้ำสมัยและความมุ่งมั่นทุ่มเท พัฒนาเครือข่ายทั่วโลกที่อุทิศให้กับการแพทย์เฉพาะบุคคล MEDISCA สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและคุณภาพสูงสุด บริการชั้นนำของอุตสาหกรรม และระบบสนับสนุนระดับโลก ด้วยการใช้การสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง ประสบการณ์ที่ไร้กังวล กระบวนการที่สะดวกสบาย และระบบรองรับที่ได้รับความร่วมมือระดับโลกเชิงกลยุทธ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MEDISCA กรุณาเยี่ยมชม www.medisca.com และติดตามเราบน Twitter ที่ @medisca

เกี่วกับ PADAGIS

PADAGIS ทุ่มเทเพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ป่วยและผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดโดยการพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเฉพาะทางคุณภาพสูงในราคาย่อมเยา บริษัทเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านเวชภัณฑ์เฉพาะทางและยาเฉพาะทางอื่น ๆ โดยมีพนักงานมากกว่า 1,300 คนทั่วโลก เยี่ยมชม PADAGIS ออนไลน์ได้ที่ (http://www.padagis.com).

ติดต่อ:

Panagiota Danopoulos

SVP กลยุทธ์ระดับโลกและนวัตกรรมที่ Medisca

www.medisca.ca

1-800-665-6334

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Women’s Entrepreneurship Accelerator เปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์สำหรับผู้หญิงทั่วโลก

Logo

พัฒนาโดย ITC SheTrades และสนับสนุนโดย Mary Kay เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโครงการ WEA ทั้งนี้โปรแกรมใบประกาศนียบัตร หรือ Certificate Programme ที่แนะนำนั้นประกอบด้วยหน่วยวิชาฝึกอบรมเชิงโต้ตอบ 27 หน่วยที่เสริมด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจ

นิวยอร์ก & เจนีวา–(BUSINESS WIRE)–11 มกราคม 2565

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) ประกาศเปิดตัวหลักสูตรผู้ประกอบการออนไลน์ทั่วโลกที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ หรือ Online Entrepreneurship Certificate Programme ได้รับการประกาศครั้งแรกในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA 76) ในวันครบรอบปีที่สองของ WEA

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005443/en/

Deborah Gibbins, Chief Operating Officer at Mary Kay Inc. (Photo: Mary Kay Inc.)

Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. (ภาพ: Mary Kay Inc.)

WEA เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่จัดโดยหน่วยงานสหประชาชาติ 6 แห่ง ได้แก่: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay ทั้งนี้ ITC เป็นผู้นำองค์ประกอบการสร้างขีดความสามารถของพันธมิตรหลายราย

พัฒนาโดย ITC SheTrades และสนับสนุนโดย Mary Kay เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโครงการ WEA ทั้งนี้โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการที่แนะนำนั้นประกอบด้วยหน่วยวิชาฝึกอบรมเชิงโต้ตอบ 27 หน่วยที่เสริมด้วยวิดีโอมากกว่า 200 รายการ จุดมุ่งหมายคือการสอนผู้ประกอบการสตรี—ผู้ที่มีความใฝ่ฝันหรือผู้มีประสบการณ์—ให้มีทักษะในการออกแบบและจัดตั้งธุรกิจที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีนำวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ พัฒนาแนวคิดผ่านการคิดเชิงออกแบบและวิธีการสร้างธุรกิจอย่างมีนวัติกรรมที่ทำให้เกิดความสำเร็จแบบก้าวกระโดด (lean start-up) การเตรียมเครื่องมือที่ช่วยออกแบบโมเดลธุรกิจ การออกแบบเสนอขาย การระบุแหล่งที่มาของเงินทุน การหาพันธมิตรที่เหมาะสม การให้คำปรึกษา การสร้างทีม และการจัดตั้งธุรกิจของตน

โปรแกรมประกาศนียบัตรที่ครอบคลุมเจ็ดขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาธุรกิจ:

  • ประกาศนียบัตร 1: การตัดสินใจที่จะเป็นผู้ประกอบการ (6 หน่วย) ,
  • ประกาศนียบัตร 2: การพัฒนาแนวคิด – แนวคิดทางธุรกิจ (3 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 3: การสร้างแบบจำลองธุรกิจ (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 4: การเสนอขายธุรกิจ (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 5: การให้ทุนแก่กิจการ (3 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 6: การสร้างทีม (4 หน่วย),
  • ประกาศนียบัตร 7: การจัดตั้งธุรกิจ (3 หน่วย)

โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ของ WEA (WEA Online Entrepreneurship Certificate Programme) สามารถเข้าถึงได้จากปลายนิ้วมือของผู้หญิงหลายล้านคนได้โดยตรงบนเว็บไซต์ ITC SheTrades (www.shetrades.com/en/learn/e-learning) และบนเว็บไซต์ของ WEA ปัจจุบันนี้มีให้บริการในภาษาอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส โดยกำลังจะมีภาษาอาหรับ รัสเซีย และจีนกลางในปี 2565 นี้ ทั้งนี้ให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้ shetrades.com ทุกคนด้วยไม่มีการป้องกันในการเข้าร่วม ผู้เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตรเมื่อเสร็จสิ้นแต่ละขั้นตอนสำคัญเจ็ดขั้นตอนของการพัฒนาธุรกิจ

“โลกต้องการผู้ประกอบการสตรีมากขึ้น” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ประกอบการสตรีทั้งหมดยืนยันว่าได้รับแรงผลักดันจากความประสงค์ที่จะมีส่วนทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมที่ยิ่งใหญ่ ผลกระทบของพวกเขานั้นสามารถมีอย่างมหาศาล โปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ของ WEA เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก ด้วยเครื่องมือและการสนับสนุนที่เหมาะสม ทั้งนี้ไม่จำกัดสิ่งที่ผู้หญิงสามารถทำได้”

“เราต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการค้าระหว่างประเทศ โดยช่วยให้พวกเขาขยายธุรกิจเพื่อให้กลายเป็นแรงกระตุ้นสำหรับชุมชนที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ผู้หญิงเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง และการเสริมอำนาจให้ผู้หญิงเป็นประโยชน์ต่อทั่วทั้งสังคม” Pamela Coke-Hamilton กรรมการบริหารของ International Trade Centre กล่าว

งานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 18 มกราคม 2565 เวลา 15:00 น. ตามเวลายุโรปกลาง (CET) ในความร่วมมือกับ Mary Kay ทั้งนี้จะเรียกผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของจากเครือข่าย ITC SheTrades ทั่วโลก งานจะจัดขึ้นเสมือนจริงเป็นภาษาอังกฤษ และจะทำหน้าที่เป็นเวทีในการนำเสนอโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการ และการฝึกอบรมในประเทศที่กำลังจะมีขึ้น ทีมงาน SheTrades จะนำเสนอหลักสูตรการเป็นผู้ประกอบการรวมถึงเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ใน www.shetrades.com สามารถลงทะเบียนที่นี่เพื่อเปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตรการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายของ WEA

การเปิดตัวโปรแกรมประกาศนียบัตร WEA หรือ WEA Certificate Programme บนแพลตฟอร์มการฝึกอบรมออน์ไลน์ของ ITC SheTrades จะได้รับการเสริมในระดับชาติด้วยการฝึกอบรมภาคสนามสำหรับผู้หญิงจากประเทศกำลังพัฒนาที่สนใจในการเป็นผู้ประกอบการและ/หรือวางแผนที่จะรวมเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาคและระดับโลก การฝึกอบรมในประเทศจะให้ข้อมูลเชิงลึกและความเชี่ยวชาญในทางปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการสตรีและกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ทั้งนี้จะมีขึ้นในโคลอมเบีย บราซิล เม็กซิโก และอินเดีย การฝึกอบรมจะจัดขึ้นเป็นภาษาสเปน (โคลอมเบีย เม็กซิโก) โปรตุเกส (บราซิล) และอังกฤษ (อินเดีย) การฝึกอบรมนี้จะเน้นในสองหัวข้อหลัก: “ความสามารถในการแข่งขันและความพร้อมในการส่งออก” (19-20 มกราคม) และ “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการการตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ” (1-3 กุมภาพันธ์)

การสนับสนุนดังกล่าวอยู่ภายใต้ “โปรแกรมส่งเสริมสตรีเพื่อการค้า” ของ ITC ซึ่งมีส่วนโดยตรงต่อประเด็นที่ ITC มุ่งเน้นที่ 5 เรื่อง “การส่งเสริมและบูรณาการการค้าที่มุ่งหมายอย่างทั่วถึงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อ 5, 8 และ 17

WEA มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนภายในปี 2573

เกี่ยวกับ Women’s Entrepreneurship Accelerator

Women's Entrepreneurship Accelerator (WEA) เป็นโครงการริเริ่มแบบหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายเกี่ยวกับผู้ประกอบการสตรีที่จัดโดยหน่วยงานของสหประชาชาติหกแห่ง ได้แก่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (ITC), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP), ข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (UNGC), องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และ Mary Kay มุ่งมั่นจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสตรีจำนวน 5 ล้านคนภายในปี 2573 เป้าหมายสูงสุดของโครงการนี้คือการเพิ่มผลกระทบด้านการพัฒนาของผู้ประกอบการสตรีให้มากที่สุดในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยสำหรับผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการ Accelerator เป็นตัวอย่างของพลังในการเปลี่ยนแปลงของการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือจากภาคส่วนที่หลากหลายที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อควบคุมศักยภาพของผู้ประกอบการสตรี สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ we-accelerate.com ติดตามเราบน: Twitter และ Instagram (@we_accelerator), Facebook และ LinkedIn (@womensentrepreneurshipaccelerator)

เกี่ยวกับ ITC SheTrades

โครงการ SheTrades ของ International Trade Centre มีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงผู้หญิงสามล้านคนเข้าสู่ตลาดภายในปี 2564 และรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลกให้ทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับอุปสรรคทางการค้าและสร้างโอกาสที่มากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการสตรี ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยเว็บและแพลตฟอร์มดิจิทัลบนมือถือ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม SheTrades.com: https://www.shetrades.com/en

เกี่ยวกับ International Trade Centre

ศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (Interantional Trade Centre) เป็นหน่วยงานร่วมขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization) และสหประชาชาติ (United Nations) ทั้งนี้ ITC ให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในระบบเศรษฐกิจกำลังพัฒนาและช่วงเปลี่ยนผ่านให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนภายใต้กรอบของวาระความช่วยเหลือทางการค้า หรือ Aid-for-Trade และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations’ Sustainable Development Goals) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.intracen.org ติดตาม ITC บน Twitter | Facebook | LinkedIn | Instagram | Flickr

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220111005443/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



BitMEX Link ให้การต้อนรับ Ivo Sauter ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่

Logo

ซูก และ ซูริค สวิตเซอร์แลนด์–(บิสิเนสไวร์)–11 ม.ค. 2565

ณ วันที่ 1 มกราคม Ivo Sauter ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ BitMEX Link ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการแพลตฟอร์มโบรคเกอร์คริปโตที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการเทรดสปอต ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเอง และการซื้อขาย OTC  คุณ Sauter จะประจำอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน BitMEX Link ในเมืองซุกและซูริก

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005536/en/

BitMEX Link welcomes Ivo Sauter as new Chief Executive Officer (Photo: Business Wire)

BitMEX Link ต้อนรับ Ivo Sauter เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ก่อนร่วมงานกับ BitMEX Link Ivo เคยเป็น Chief Digital , Transformation และ Strategy Officer ที่ Gazprombank (Switzerland) Ltd. มานานกว่าหนึ่งปี  เขามีประสบการณ์มากกว่าสองทศวรรษในการทำงานในตำแหน่งผู้นำในธนาคารและบริษัทจัดการกองทุน  Ivo ยังนำความเชี่ยวชาญด้านคริปโตมาใช้ โดยเคยทำงานเป็น Chief Client Officer ที่ SIX Digital Exchange ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของตลาดการเงินแห่งแรกในโลกที่เสนอการซื้อขายแบบ end-to-end แบบครบวงจร การชำระบัญชี และการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

Ivo กล่าวว่า: “ผมภูมิใจที่ได้เข้าร่วม BitMEX Link ที่มีการเติบโตอันน่าทึ่ง และมีอะไรมากมายรอเราอยู่ในปี 2022  BitMEX Link จะปรับปรุงวิธีที่นักเทรด นักเทรดมืออาชีพ และนักลงทุนสถาบันมีปฏิสัมพันธ์กับ crypto และผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้นำสายธุรกิจนี้และสร้างทีม BitMEX Link ที่นี่ในสวิตเซอร์แลนด์”

Alexander Höptner ประธาน BitMEX Link กล่าวว่า “การแต่งตั้ง Ivo เป็นก้าวที่น่าตื่นเต้นในการพัฒนา BitMEX Link และการมีอยู่ของแบรนด์ BitMEX ในสวิตเซอร์แลนด์ ในอีกไม่กี่เดือนและหลายปีต่อจากนี้  เราจะลงทุนเพื่อขยาย BitMEX Link ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเราเห็นศักยภาพในการเติบโตอย่างมากในระยะยาว”

เกี่ยวกับ BitMEX

BitMEX เป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่ให้ผู้ใช้เข้าถึงตลาดการเงินสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกและเป็นเจ้าของโดย HDR Global Trading Limited. BitMEX Link เป็นของ BXM Link AG  ในการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ BitMEX วิสัยทัศน์ของเรา ทีมงาน การเจริญเติบโต และเป้าหมายในอนาคต โปรดทำตามเราใน Twitter, Telegram, และ บล็อกของ BitMEX

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ press-ch@bitmex.com  (สำนักงานสื่อสัมพันธ์สวิตเซอร์แลนด์)

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220111005536/en/

ติดต่อ:

Jessica Lindeman
press-ch@bitmex.com  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Robotic Research ประกาศระดมทุนรอบ Series A มูลค่า 228 ล้านดอลลาร์ เพื่อโตเทคโนโลยีอัตโนมัติในเชิงพาณิชย์

Logo

การลงทุนที่นำโดย SoftBank Vision Fund 2 และ Enlightenment Capital จะช่วยให้แผนกการค้า RR.AI ของบริษัทเติบโตและจัดหาโซลูชันอิสระแบบครบวงจรสำหรับการขนส่งและ ตลาดโลจิสติกส์

คลาร์กสเบิร์ก แมริแลนด์–(บิสิเนส ไวร์)–10 ม.ค. 2565

Robotic Research ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นยานยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ ประกาศระดมทุนรอบ 228 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินทุนภายนอกรายแรกที่บริษัทระดมทุนได้  เงินทุนนี้จะขับเคลื่อนนวัตกรรมและการขยายตัวของแผนกการค้าของ Robotic Research RR.AI ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติที่ครอบคลุมสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ รถโดยสารประจำทาง การระบายน้ำ และการขนส่ง  นักลงทุนในรอบ Series A ได้แก่ SoftBank Vision Fund 2, Enlightenment Capital, Crescent Cove Advisors, Henry Crown and Company และ Luminar Technologies, Inc.

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006171/en/

The company's vehicle-agnostic autonomy kit, AutoDrive®, has already been integrated in a variety of vehicles including North America’s first autonomous heavy-duty transit bus, Class 8 trucks, and yard trucks. (Photo: Business Wire)

AutoDrive® ซึ่งเป็นชุดควบคุมอัตโนมัติสำหรับยานยนต์ของบริษัท ได้ทำการติดตั้งในรถยนต์หลากหลายประเภทแล้ว รวมถึงรถบรรทุกหนักอัตโนมัติรุ่นแรกของอเมริกาเหนือ – รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก Class 8 และรถบรรทุกสนาม (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

“การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของเราในการพัฒนาโซลูชั่นอัตโนมัติสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐของเรา และจะจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นและการขยายความพยายามในเชิงพาณิชย์ของเรา” Alberto Lacaze ซีอีโอ Robotic Research กล่าว “ประวัติศาสตร์และประสบการณ์อันยาวนานของเราช่วยให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแค่ทนทาน ปลอดภัย และเชื่อถือได้ แต่ยังใช้งานได้หลากหลายและเหมาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ และกรณีการใช้งานมากมาย”

Robotic Research ประสบความสำเร็จในการปรับใช้โซลูชันอัตโนมัติและหุ่นยนต์บนถนนทั่วโลก รวมถึงในสภาพแวดล้อมที่ไร้โครงสร้างที่วิบากที่สุดในอุตสาหกรรม ชุดควบคุมรถอัตโนมัติรถ AutoDrive® ได้ถูกรวมเข้ากับยานพาหนะหลากหลายประเภทแล้ว รวมถึงรถบัสขนส่งมวลชนสำหรับงานหนักอัตโนมัติระบบแรกในอเมริกาเหนือ รถบรรทุก Class 8 และรถบรรทุกสำหรับสนาม  AutoDrive® สามารถใช้ได้ทั้งบนถนน บนทางวิบาก หรือในสนาม ทำให้เหมาะเป็นพิเศษในการจัดหาโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติแบบ 360° ที่ครอบคลุมขอบเขตการออกแบบการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน (ODDs)

Akshay Naheta รองประธานอาวุโสของ SoftBank Group Corp และอดีตหุ้นส่วนผู้จัดการของ SoftBank Investment Advisers กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คน  การวิจัยหุ่นยนต์มีประวัติการดำเนินงานในภาคการค้า และได้สร้างโซลูชันอิสระที่แตกต่างโดยมุ่งเน้นไปที่โอกาสที่เป็นรูปธรรมและการสร้างรายได้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรทางการเงินและจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นในการเร่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโซลูชันของ Robotic Research”

นับเป็นการลงทุนในหุ้นเชิงกลยุทธ์ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันโดย Luminar ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ Lidar ระดับยานยนต์  Robotic Research ทำงานร่วมกับ Luminar ในด้านโอกาสเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาความเป็นอิสระ และเลือก Luminar เป็นผู้ให้บริการ Lidar ระยะยาว

UBS Investment Bank ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนจัดหางานสำหรับ Robotic Research Cravath โดย Swaine & Moore LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ Covington & Burling LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับ Robotic Research

เกี่ยวกับ RR.AI

RR.AI เป็นแผนกการค้าของ Robotic Research ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ให้บริการโซลูชั่นด้านการเคลื่อนที่และหุ่นยนต์อัตโนมัติแก่ภาคการป้องกันมาเป็นเวลาสองทศวรรษ RR.AI สนับสนุนยานยนต์หลายรูปแบบเต็มรูปแบบด้วยระบบการเคลื่อนที่อัตโนมัติ (AutoDrive®) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานแล้วสำหรับทั้งในและนอกถนนสภาพแวดล้อมและได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรอุตสาหกรรม OEM ชั้นนำ  โดยเหมาะอย่างยิ่งในการจัดหาโซลูชั่นการขับขี่อัตโนมัติแบบ end-to-end 360° สำหรับการขนส่งเชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมโดเมนการออกแบบการปฏิบัติงานที่ซับซ้อน (ODDs)  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ RR.AI กรุณาเยี่ยมชม www.rr.ai

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006171/en/

ติดต่อ:

สื่อ

Don Lefeve
Head of Corporate Affairs (ฝ่ายกิจการองค์กร)
Press@rr.ai

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Black & Veatch ออกแบบศูนย์วิจัยและพัฒนาต้นแบบให้กับบริษัทอาหารทะเลจากการสังเคราะห์ในสิงคโปร์

Logo

Mini Plant ของ Shiok Meats คือกุญแจสู่การขยายการผลิตเพื่อรับมือกับปัญหาความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–9 มกราคม 2565

Black & Veatch ร่วมมือกับ Shiok Meats ในการออกแบบและการวางผังศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารทะเลจากการสังเคราะห์ที่มีความทันสมัยและไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน โดย Ms. Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยฯ แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ Shiok Meats ซึ่งเป็นบริษัทเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกลุ่มครัสตาเชียจากการสังเคราะห์แห่งแรกของโลก ขยายการผลิตอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชียจากกรรมวิธีเซลล์สังเคราะห์ และตั้งเป้าหมายเริ่มวางจำหน่ายภายในปีพ.ศ. 2566

Dr. Sandhya Sriram ซีอีโอกลุ่มและผู้ร่วมก่อตั้ง Shiok Meats กล่าวว่า “การสร้าง Mini Plant คือก้าวแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับเรา โรงงานผลิตของเราซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในอีก 18 เดือน จะเป็นส่วนขยายของ Mini Plant แห่งนี้ในแง่ของการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการวางรากฐาน ศูนย์วิจัยฯ แห่งใหม่นี้จะช่วยให้เราเพิ่มการผลิตอาหารทะเลจากการสังเคราะห์อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกลยุทธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราจะมีโมเดลการผลิตที่มีความครอบคลุมและผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยม”

David Ziskind ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Black & Veatch NextGen Ag กล่าวว่า “การพลิกโฉมระบบอาหารของเราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเราภูมิใจที่ได้ช่วย Shiok Meats บรรลุก้าวแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของอาหาร นวัตกรรมและความยั่งยืนคือแกนหลักสู่ทางออกด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างของเราในขณะที่เราช่วยให้หลาย ๆ บริษัทลดช่องว่างระหว่างวิทยาศาสตร์ การวิจัยและการพัฒนา วิศวกรรม และการพาณิชย์เพื่อนำผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ ๆ สู่ตลาดได้ในปริมาณมาก เราตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Shiok Meats ในความพยายามครั้งใหญ่เพื่อสร้างสรรค์อาหารที่ดีกว่าและมีความยั่งยืนมากขึ้นโดยนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้เพื่อยกระดับความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก”

Hoe Wai Cheong ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารประจำทวีปเอเชียแปซิฟิกและอินเดียของ Black & Veatch กล่าวว่า “ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมของตลาดอย่าง Shiok Meats กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สะอาดและยั่งยืนขึ้นไปอีกขั้น โดยผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านั้นเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อซึ่งกำลังเติบโตและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย เรามีความภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับบริษัทอย่าง Shiok Meats ซึ่งมีความมุ่งมั่นเช่นเดียวกันกับเราในการที่จะพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น และแนะนำให้พวกเขาได้รู้จักกับระดับความพร้อมของเทคโนโลยีตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึงการพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ”

Black & Veatch ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบและนวัตกรรมในขั้นแรก ไปจนถึงการติดตั้งระบบพร้อมสรรพให้กับทั้งบริษัทเกิดใหม่และผู้ผลิตที่มีความมั่นคง Black & Veatch มีความพร้อมที่จะบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของโครงการ ตั้งแต่การออกแบบกระบวนการและพัฒนาโครงร่างไปจนถึงงานออกแบบเชิงวิศวกรรม การสร้างโรงงานผลิตทั้งในระดับนำร่องและเชิงพาณิชย์ บริการของบริษัทครอบคลุมในหลายภาคส่วน ทั้งอาหารและเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อการผลิตอาหารแห่งอนาคต เช่น การเกษตรกรรมในสภาพแวดล้อมปิด โปรตีนทางเลือก และการสังเคราะห์พืชและสัตว์น้ำ

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดภาพประกอบ

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ

  • จากการจัดอันดับ 2021 Engineering News-Record’s (ENR) โดย Sourcebook Black & Veatch เป็นหนึ่งใน 10 บริษัทยอดเยี่ยมใน 19 หมวดหมู่ การจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จของบริษัททางด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้าง ในการคาดการณ์การพัฒนาองกรค์ของลูกค้าที่มุ่งไปสู่การลดการปล่อยคาร์บอนจากการใช้พลังงานให้เหลือศูนย์ การฟื้นฟูระบบน้ำที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และการใช้ข้อมูลทั่วโลกที่ดียิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Shiok Meats

Shiok Meats คือบริษัทผลิตเนื้อและอาหารทะเลจากการสังเคราะห์แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทผลิตอาหารทะเลกลุ่มครัสตาเชีย (กุ้ง ล็อบสเตอร์ ปู กั้ง) จากการสังเคราะห์แห่งแรก ที่จะเสิร์ฟเนื้อสัตว์จากการสังเคราะห์ที่มีความยั่งยืน ดีต่อสุขภาพ ปราศจากการทารุณกรรมสัตว์ และรสชาติอร่อยให้กับโลก ติดตามข่าวของ Shiok Meats ได้ทาง Facebook, Instagram และ Twitter ที่ @shiokmeats

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch คือบริษัทออกแบบด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานร่วมเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีในด้านนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยการพัฒนาความยืดหยุ่น และคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปีพ.ศ. 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงานกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211215006149/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
สายด่วน 24 ชั่วโมงสำหรับสื่อ | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ฉลองเหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–8 มกราคม 2565

Mary Kay Inc. บริษัทพัฒนาผู้ประกอบการระดับโลกและผู้สนับสนุนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนขององค์กร เปิดเผยเหตุการณ์ที่สำคัญส่งท้ายปี 2564 Mary Kay Inc. ได้สานต่อคำมั่นสัญญาที่ยาวนานหลายทศวรรษในการทำให้ชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสร้างชุมชนให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

Mary Kay was named a Silver Globee® Winner in 3 categories at the 13th Annual 2021 Golden Bridge Business and Innovation Awards. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้รับรางวัล Silver Globee® จาก 3 หมวดหมู่ในงาน Golden Bridge Business and Innovation Awards ประจำปี 2564 ครั้งที่ 13 (ภาพ: Mary Kay Inc.)

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำเร็จในปี 2564 ของ Mary Kay ในรายงานนี้

เหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • Mary Kay ได้รับ 58 รางวัลและเกียรติยศในปี 2564 ซึ่งรวมถึง: การรับมือกับโควิด (22 รางวัล) การยกย่องจากพันธมิตรในรายงานผลกระทบทางสังคม/รายงานประจำปี (4) ผู้บริหารของ Mary Kay ได้รับการยอมรับในด้านความเป็นผู้นำ (7) ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (10) และสารคดีที่ได้รับรางวัล (4 รางวัล; 5 เรื่องคัดเลือก) นอกจากนี้ Mary Kay และ/หรือ Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัท ยังได้แสดงไว้ในหนังสือ Harvard Business Case Studies 2 ฉบับ หนังสือเรียน 3 เล่ม และรายงานการวิจัย 1 ฉบับ
  • ประกาศแต่งตั้ง Wendy Wang เป็นประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง
  • ฉลองครบรอบตลาดของ Mary Kay: Mary Kay ลิทัวเนีย (10 ปี) และ Mary Kay เยอรมนี (35 ปี)
  • ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในนายจ้างขนาดกลางที่ดีที่สุดในอเมริกาประจำปี 2564 (America's Best Mid-Sized Employers 2021) โดยนิตยสาร Forbes

Mary Kay Global Design Studio & Digital Innovation เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

  • Mary Kay Global Design Studio และ Glamhive ได้ประกาศในรายการเรียลลิตี้โชว์ของ TikTok ระดับโลกครั้งแรกตามสไตล์โดย Step & Repeat การประกวดแสดงความสามารถด้านห้องเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผมจากผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก ผู้เข้าร่วมได้แสดงความสามารถของตนจากกว่า 30 ประเทศ และแคมเปญที่เป็นนวัตกรรมดังกล่าวได้นำเสนอใน UK Daily Mail, The Daily Front Row และ Vogue Business ซึ่งเน้นย้ำถึงแนวทางที่เป็นนวัตกรรมในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างใหม่
  • เปิดตัว Suite 13 ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านความงามที่ใช้ความเป็นจริงเสมือนเพื่อแปลงโฉมโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกของบริษัทในรูปแบบดิจิทัล Mary Kay MirrorMe™ สำหรับการแต่งหน้าเสมือนจริง และแอป Mary Kay® Skin Analyzer เพื่อสแกนใบหน้าของคุณสำหรับกิจวัตรประจำวันในการดูแลผิวที่ปรับแต่งได้
  • เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในการร่วมมือกับ Luis Casco แอมบาสเดอร์ความงามระดับโลก

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังแห่งความงาม

  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Clinical Solutions™ ซึ่งประกอบด้วย Mary Kay Clinical Solutions™ Retinol 0.5 และ Mary Kay Clinical Solutions™ Calm + Restore Facial Milk และได้รับการรับรองของสภาแพทย์ผิวหนัง
  • Dr. Michelle Hines, Ph.D. ผู้อำนวยการด้านการกำหนดสูตรผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay ได้รับการประกาศให้เป็นประธานเลือกของสมาคมนักเคมีเครื่องสำอาง (SCC)
  • ในความร่วมมือกับ Society for Investigative Dermatology (SID) ได้ประกาศเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพ/โรคผิวหนัง เงินช่วยเหลือจะมอบให้กับนักวิจัยที่ทำการศึกษานวัตกรรมด้านสุขภาพผิวหนังและโรคผิวหนังที่แปลกใหม่เพื่อค้นพบมุมมองใหม่และกลยุทธ์การหนุนเสริม
  • ประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หลายทุน รวมถึง Society of Cosmetic Chemists และ Mary Kay Inc. – Madam CJ Walker Scholarships เพื่อสนับสนุนนักศึกษาชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีหรือบัณฑิตสาขาเคมี กายภาพ การแพทย์ เภสัชกรรม ชีวภาพ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และมอบทุน Girls in STEAM จำนวนห้าทุนให้กับเยาวชนหญิงที่กำลังมีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงนวัตกรรม ผู้รับปี 2564 ได้แก่ Mylana Brodovska จากยูเครน; Selin Alara Ornek จากตุรกี; Jordan Reeves จากสหรัฐอเมริกา; Ivanna Hernandez จากโคลอมเบีย; และAllie Weber จากสหรัฐอเมริกา
  • เปิดตัวงานวิจัยในการประชุมด้านวิทยาศาสตร์เสมือนจริงหลายครั้ง งานวิจัยนี้รวมถึง: แบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปรับสภาพผิวแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อเรตินอลที่บริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ยังคงมอบคุณประโยชน์ต่อผิวที่สำคัญของเรตินอล นำเสนอข้อค้นพบสำหรับการใช้เฉพาะเรตินอลที่บริสุทธิ์เพื่อปรับปรุงจุดด่างดำที่เกิดจากการอักเสบของผิวในประชากรชาวเอเชีย และกลไกการปรับที่สัมพันธ์กับการทำงานของผิวชั้นนอกสุดที่ถือเป็นปราการปกป้องผิวในการช่วยบรรเทา 2 ความกังวลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบทางสังคม/ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (CSR)

  • ในปี 2564 Pink Changing LivesSM ทั่วโลกของ Mary Kay ได้ก่อให้เกิดโปรแกรมเสริมพลังสนับสนุนองค์กรนอกภาครัฐกว่า 15 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2551 โปรแกรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า 6 ล้านคนและครอบครัวโดยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ กว่า 3,000 แห่ง ด้วยเงินบริจาคกว่า 16 ล้านดอลลาร์
  • Mary Kay จีน: มณฑลเหอหนานของจีนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงเนื่องจากน้ำท่วม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย สูญหายอีก 8 ราย อพยพผู้คน 200,000 ราย ผู้คนที่ได้รับผลกระทบ 3 ล้านคน และการสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ประมาณ 1.22 พันล้านหยวน Mary Kay จีน บริจาคผลิตภัณฑ์มูลค่า 1 ล้านหยวนให้กับสหพันธ์การกุศลมณฑลเหอหนาน
  • Mary Kay เยอรมนี: น้ำท่วมในยุโรปส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และติดอันดับภัยอันตรายทางธรรมชาติที่ทำลายล้างมากที่สุดในยุโรปเหนือ Mary Kay เยอรมนีให้คำมั่นในการบริจาคเงิน 100,000 ยูโรเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
  • Mary Kay สเปน: ในปี 2563-64 ร่วมมือกับ Fundación Vicente Ferrer เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่เด็กและครอบครัวในอินเดีย ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ในปี 2561) Mary Kay สเปนได้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กในหมู่บ้านปากาดาลาวาริปัลลิ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกาดิริ (อนันตปูร์) ของอินเดีย

การส่งเสริมพลังของผู้หญิง

  • ประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศโดยเผยแพร่เอกสารแสดงจุดยืนต้อนรับกลยุทธ์ความเท่าเทียมทางเพศของคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับปี 2563 – 2568 และโดยการเข้าร่วมการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม (Generation Equality Forum) ในปารีสและ 5 แนวร่วมปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเร่งความเท่าเทียมทางเพศภายในปี 2569
  • ในความร่วมมือกับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) & WE Empower ได้มีการเผยแพร่เรื่อง “เสริมสร้างการสนับสนุนสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการตอบสนองและการฟื้นตัวของโควิด-19 หรือ Strengthening Support for Women Entrepreneurs in COVID-19 Response and Recovery” ที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (CSW65)
  • Mary Kay และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้รับการยอมรับในรายงานของหน่วยงานสหประชาชาติเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการส่งเสริมพลังของผู้หญิงในกิจกรรมของกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงต่อคณะกรรมาธิการว่าด้วย สถานภาพสตรี (CSW65) และสภาสิทธิมนุษยชน

ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI)

  • ประกาศร้อยละ 100 ตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปที่ประจำในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการฝึกอบรมอคติใต้สำนึกภาคบังคับ
  • เปิดเผยความหลากหลายทางเพศในข้อมูลสถานที่ทำงาน: ร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง; ร้อยละ 61 ของพนักงานทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง และร้อยละ 54 ของตำแหน่งรองประธานขึ้นไปเป็นผู้หญิง; ร้อยละ 59 ของตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปเป็นผู้หญิง
  • ในความร่วมมือกับ Equal Rights Trust พันธมิตรระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวการวิจัยเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความเท่าเทียมและผลกระทบทางเพศของระบบอัลกอริทึมที่นำเสนอโดย Mary Kay

ความยั่งยืน

  • ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก: เติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน แนวทางแบบองค์รวมของเราครอบคลุมเสาหลักสามประการของความยั่งยืน—เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม—ผ่านเสาหลัก 5 ประการ โดยกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่น 15 ประการเพื่อส่งมอบทศวรรษแห่งการดำเนินการที่ยั่งยืน
  • เป็นผู้ลงนามในสาเหตุสำคัญสองประการในการปกป้องน่านน้ำของโลก: CEO Water Mandate และหลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Global Compact’s Sustainable Ocean Principles
  • เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
  • Mary Kay เปิดตัวสารคดีเรื่องที่สอง Forest of Hope ในเดือนตุลาคมระหว่างการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติปี 2564 (COP26) สารคดีดังกล่าวเน้นย้ำถึงผลงานของ Angelica นักต่อสู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในวัย 70 ​​ปี และผู้นำกลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งมั่นในการรักษาป่าไม้ของเมืองมอนเตร์เรย์
  • ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ในการริเริ่ม Time for Trees® initiative ได้ประกาศบรรลุความมุ่งมั่นในการปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปลูกต้นไม้รายใหม่ 5 ล้านคนภายในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งสำเร็จลุล่วงไปหนึ่งปีก่อนกำหนด
  • Mary Kay ร่วมมือกับ Nature Conservancy มาตั้งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ในปี 2564 Mary Kay สนับสนุนเจ็ดโครงการในหมู่เกาะโซโลมอน ออสเตรเลียตอนเหนือ นิวซีแลนด์ เขตชนบทของจีน เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.MaryKayGlobal.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Global Communications
newsroom.marykay.com
+1 972.687.5332
media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





VOOPOO เปิดตัวบุหรี่ไฟฟ้าตัวแรกของอุตสาหกรรมที่มีการออกแบบโดยใช้ลายนูน โดยมีชื่อรุ่นว่า Vinci Pod Royal Edition

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–7 มกราคม 2565

ในช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ 2565 VOOPOO ซึ่งแสวงหาการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมที่มีเอกลักษณ์อยู่เสมอ ได้ดำเนินการครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ได้เปิดตัว Vinci Pod Royal Edition ด้วยการออกแบบลายนูนแบบใหม่ ซึ่งรูปร่างโดยรวมที่เงามันและน้ำหนักเบาช่วยขับเน้นความรู้สึกเรโทรย้อนยุค ในขณะที่ยังแสดงบรรยากาศของชนชั้นสูงเอาไว้อย่างชัดเจน

งานฝีมือแบบนูนดั้งเดิมสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า

งานศิลปะแบบนูนจำนวนมากถูกค้นพบจากซากปรักหักพังสุเมเรียนโบราณ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดของอารยธรรมมนุษย์ โดยในยุคร่วมสมัย ก็มีผลิตภัณฑ์ศิลปะมากมายที่ใช้งานฝีมือแบบนูน เช่นกัน โดย Vivian หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ VOOPOO กล่าวว่า “เป็นที่งานศิลปะนูนแบบโบราณและองค์ประกอบร่วมสมัยที่ทันสมัยและย้อนยุคนี่แหละ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาซีรีส์ Vinci Pod Royal Edition จุดประสงค์ดั้งเดิมของเราคือการเฟ้นหาคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ใช้ได้แสดงรสนิยมทางศิลปะของตนในกระบวนการใช้ผลิตภัณฑ์”

อย่างไรก็ตาม การแกะสลักลวดลายนูนบนผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าที่ละเอียดอ่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ความผิดพลาดเล็กน้อยในกระบวนการจะส่งผลให้ไม่สามารถบรรลุคุณภาพมางศิลปะได้ ผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 รายการของซีรีส์ VOOPOO Vinci Pod Royal Edition ทั้งหมด ได้รับการออกแบบโดยศิลปินมากประสบการณ์ และยังผสานเข้ากับองค์ประกอบการออกแบบตั้งแต่แจ๊สย้อนยุคและสไตล์กราฟฟิตีสุดเท่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ใช้เวลา 8 เดือน ต้องใช้กระบวนการผลิต 12 ขั้นตอนและ 68 เทคนิค โดย ร้อยละ 80 ของงานถูกทำให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยมือ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของคนมากกว่า 20 คน รวมถึงนักออกแบบอุตสาหกรรม นักออกแบบโครงสร้าง และสมาชิกในทีมวิจัยและพัฒนา

นอกจากลวดลายนูนที่ไม่เหมือนใครแล้ว ประสบการณ์สัมผัสที่เกิดจากลายนูนยังน่าประทับใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจากลวดลายนูนของแต่ละผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน ลูกค้าจึงสามารถเลือกได้ตามความชอบด้านภาพและสัมผัสของตนเอง เมื่อถือบุหรี่ไฟฟ้า แห่ง “ความงามที่สัมผัสได้” ไว้ในมือ คุณจะได้สัมผัสผลงานชิ้นเอกที่มีพื้นผิวนูนเว้า ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับประสบการณ์อันสูงส่งเพียงปลายนิ้วสัมผัส

มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์ของผู้ใช้

นอกจากรูปลักษณ์แล้ว วัสดุของผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้ใช้ยังเหมาะสมกับนิสัยของผู้ใช้อีกด้วย ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ VOOPOO  ได้เลือกโลหะผสมอลูมิเนียมเกรดการบิน 6061 ซึ่งมีความแข็งแรง ความอ่อนตัวแบบพลาสติก ความเหนียวทนต่อการแตกหัก ทนต่อความล้า ความต้านทานการแตกร้าวจากการกัดกร่อนของความเครียด และความต้านทานการกัดกร่อนจากการขัดผิว และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายใน รางความเร็วสูงในอวกาศ และ อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากการทดลองการไหลเวียนของอากาศที่แม่นยำ 268 ครั้ง การออกแบบเครื่องส่งและทางเดินหายใจของ VINCI Pod Royal Edition ได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด นำความสะดวกสบายที่เหนือชั้นมาสู่ประสบการณ์การจากการดูดด้วยปาก

VINCI Pod Royal Edition มาพร้อมกับคาร์ทริดจ์ VINCI POD ที่มองเห็นข้างในได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นของเหลวอิเล็กทรอนิกส์ที่เหลืออยู่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถเติมได้ทันเวลาและไม่ต้องวิตกกังวล ในเวลาเดียวกัน VINCI Pod Royal Edition มาพร้อมกับอะตอมไมเซอร์ 0.8Ω และ 1.2Ω เพื่อให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินกับรสชาติและประสบการณ์นิโคตินในระดับต่าง ๆ ตามความต้องการ VINCI Pod Royal Edition ได้รวมเอาไฟช่วยหายใจเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้ไฟสว่างขึ้นเมื่อผู้ใช้หายใจเข้า และดับลงเมื่อหยุด ทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกไดนามิกที่ชัดเจน

คำเตือน: ผลิตภัณฑ์นี้อาจใช้กับผลิตภัณฑ์ของเหลวอิเล็กทรอนิกส์ที่มีนิโคติน นิโคตินเป็นสารเคมีที่เสพติด

เว็บไซต์ของ Voopoo: https://www.voopoo.com/

IG: https://www.instagram.com/voopoo_global/

https://www.instagram.com/voopootechofficial/

Facebook: https://www.facebook.com/Voopootech/

Tiktok: https://www.tiktok.com/@voopoo_indonesia?lang=en

โปรดดูข่าวประชาสัมพันธ์ต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220105006068/zh-CN/

ข้อความต้นฉบับภาษาต้นฉบับของประกาศนี้เป็นฉบับที่เป็นทางการและเชื่อถือได้ การแปลจัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรมีการอ้างอิงโยงกับข้อความภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นข้อความเวอร์ชันเดียวที่มีจุดประสงค์เพื่อให้มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220105006058/en/

สอบถามด้านธุรกิจ: sales@voopoo.com

ติดต่อสำหรับสื่อ: Tingkai Xu, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์

มือถือ: 15957944779

อีเมล: kai@voopootech.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ezek เปิดตัวเหรียญ Phanta Bear NFT แบรนด์ยอดนิยมของ Jay เพื่อกรุยทางสู่ตลาดบล็อกเชนทั่วโลก

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–06 มกราคม 2565

ในปี 2564 มีการร่วมมือระหว่างบุคคลที่มีชื่อเสียงในการสร้าง NFT มากขึ้นในอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลกและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ยังมีความเคลื่อนไหวจาก Mandopop King Jay ซึ่งได้ช่วยระดมทุนไปถึง 846 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (109 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากการประมูลของ Sotheby และในวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา Jay กล่าวว่าเขาได้รับ “ของขวัญ NFT สุดพิเศษเป็นครั้งแรก”

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211231005077/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

สำหรับแพลตฟอร์ม Ezek ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดย Will Liu & Mark G ร่วมกับ Ed Ow (ผู้บุกเบิก NFT และเทคโนโลยีคริปโตให้กับ HTC และ FullDive) รวมถึงโปรดิวเซอร์อย่าง Johnson Chiang จะประกาศถึงการเปิดตัวของ Phanta Bear NFT ในวันที่ 1 มกราคม 2565 นี้บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพวกเขา โดยจะมีการออกเหรียญทั่วโลกในจำนวนจำกัดเพียง 10,000 เหรียญเท่านั้น!

ข่าวนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับเศรษฐกิจบล็อกเชนทั่วโลกทันที โดยสื่อด้านบล็อกเชนทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีต่างรายงานเกี่ยวกับการออก NFT โดยเจ้าพ่อวงการแฟชั่นของเอเชียรายนี้!

ปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Ezek ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบเสมือนจริง โดยเจ้าของ NFT ที่มีแผนใช้แพลตฟอร์ม Ezek จะกลายเป็นสมาชิกของ Ezek Club และสามารถใช้ NFT เป็นตั๋วเพื่อเข้าร่วมคอนเสิร์ตเสมือนแบบ VR/XR ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และคุณสมบัติของโลกเสมือนในอนาคตที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัว Ezek Club บน Discord และมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 30,000 คนภายในเวลาเพียง 5 วัน! กิจกรรมนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการดึงดูดผู้คนของ Jay เท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการสนับสนุนของชุมชนต่อแนวคิดการดำเนินงานของ Ezek Club อีกด้วย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211231005077/en/

ติดต่อ:

Johnson Chiang
อีเมลของ Ezek: support@ezek.io
เว็บไซต์ทางการ: https://www.phantacico.com/
เว็บไซต์ทางการของ Ezek: https://ezek.io
twitter:https://twitter.com/EZEKCLUB

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



AJC จะจัด “สัมนาการท่องเที่ยว BIMP-EAGA – ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มของตลาดญี่ปุ่นหลังโควิด-19” ในวันที่ 12 มกราคม 2565

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–06 ม.ค. 2565

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) จะจัดสัมมนาผ่านเว็บสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวในบรูไน ดารุสซาลาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เขตพัฒนาอาเซียนตะวันออกหรือ BIMP-EAGA ในวันพุธที่ 12 มกราคม 2565  การสัมมนาผ่านเว็บนี้ออกแบบมาเพื่อนำเสนอ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นและแนะนำวิธีการส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวของ BIMP-EAGA ให้กับประเทศญี่ปุ่น

BIMP-EAGA เปิดตัวในปี 2537 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาในพื้นที่ห่างไกลและด้อยพัฒนาในสี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วม  ประเทศเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของประเทศในเชิงภูมิศาสตร์ แต่ก็อยู่ใกล้กันในเชิงกลยุทธ์  รัฐและจังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนมากกว่า 60% ของพื้นที่แผ่นดินของประเทศ BIMP-EAGA แต่พวกเขาคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของประชากรและ 18% ของกำลังแรงงาน

ห้าเสาหลักเชิงกลยุทธ์ของ BIMP-EAGA VISION 2025 ได้แก่ ความเชื่อมโยง ตะกร้าอาหาร สิ่งแวดล้อม และสังคมวัฒนธรรมและการศึกษา และการท่องเที่ยว  AJC ได้จัดการประชุมสัมมนาที่มุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักข้างการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2564 โดยการสัมมนาผ่านเว็บเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนี้จะครอบคลุมเสาหลักเชิงกลยุทธ์ทั้งหมดของวิสัยทัศน์

การสัมมนาผ่านเว็บด้านการท่องเที่ยวที่กำลังจะจัดขึ้นจะนำเสนอข้อมูลอัปเดตและแนวโน้มที่น่าสนใจของตลาดญี่ปุ่น เช่น ความรู้สึกของผู้บริโภคนักเดินทางชาวญี่ปุ่น และมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของภูมิภาค พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

การสัมมนาผ่านเว็บเกี่ยวกับการท่องเที่ยว BIMP-EAGA

-ข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มของตลาดญี่ปุ่นหลังโควิด-19-

วันที่/เวลา:

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 15:00น. – 17:00น. (เวลาประเทศญี่ปุ่น)

สถานที่:

Zoom

โปรแกรม:

เปิดงาน

  • Dr. Kunihiko Chris Hirabayashi , เลขาธิการศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
  • Mr. Shu Kawano ผู้อำนวยการ กรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สอง กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น
  • Ms. Salinah Md. Salleh รักษาการอธิบดีกรมการท่องเที่ยว บรูไนดารุสซาลาม/ประธานศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยว BIMP-EAGA

การนำเสนอ

  1. นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นมองประเทศ BIMP อย่างไร?
    – อ่านแนวโน้มผ่านการสำรวจการรับรู้ถึงการเดินทางในอาเซียน1
    วิทยากร: Ms. Haruna Chinzei, Account Manager, Marketing Voice Ltd.
     
  2. บทใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศหลังโควิด 19
    – กรณีของญี่ปุ่นและอื่น ๆ –
    วิทยากร: คุณ Masaru Takayama ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเอเชีย
     
  3. วิธีดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วยการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ
    วิทยากร: Mr. Kei Shibata, ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Venture Republic – TRAVEL jp & Trip101

ผู้จัดงาน:

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น

องค์กรสนับสนุน:

ศูนย์อำนวยการ BIMP-EAGA

ภาษา:

อังกฤษ

ค่าลงทะเบียน:

ฟรี

กรุณาลงทะเบียนจากลิงค์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วม: https://bit.ly/3rLorpu

(คลิกที่ “ภาษาอังกฤษ” ที่มุมบนขวาของเว็บไซต์)


1แบบสำรวจความตระหนักด้านการเดินทางของอาเซียนจัดทำโดย AJC ในเดือนมกราคม 2564 สำหรับชาวญี่ปุ่นใน 20s-60s. รายงานอาเซียน (โดยรวม) และข้อมูลสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศมีอยู่ในเว็บไซต์ AJC ที่ด้านล่างของ URL ต่อไปนี้: https://www.asean.or.jp/en/tourism-info/20210617/

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220105006054/en/

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC)

ติดต่อ:

Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean. or.jp/en/
โทร: +81-3-5402-8118
อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย