Gautam Mukharya ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยงของธนาคาร HSBC สิงคโปร์ เข้าร่วมคณะกรรมการที่ปรึกษาของ SPIN Analytics

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2564

SPIN Analytics ผู้ให้บริการด้าน FinTech ที่ทันสมัย ผู้นำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับการทำแบบจําลองความเสี่ยงด้านเครดิต ประกาศในวันนี้ว่า Gautam Mukharya ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความเสี่ยงแห่งธนาคาร HSBC สิงคโปร์ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท

Gautam คร่ำหวอดอยู่ในวงการธนาคารและความเสี่ยงด้วยประสบการณ์ 25 ปีทางด้านการเงิน โดยมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเครดิตและความเสี่ยงภายในองค์กร และยังเป็นผู้สนับสนุนตัวยงทางด้านนวัตกรรม ฟินเทค และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ กว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมากับ HSBC Group, Gautam ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งทั้งระดับประเทศและภูมิภาคมากมาย รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านความเสี่ยงของธนาคาร HSBC ในออสเตรเลีย หัวหน้าด้านความเสี่ยงเครดิตสำหรับธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประธานเจ้าหน้าที่ธนาคาร HSBC ในมอริเชียส

Panos Skliamis ซีอีโอแห่ง SPIN Analytics กล่าวว่า “ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Gautam สู่คณะกรรมการที่ปรึกษาของเรา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผู้นำในด้านความเสี่ยง Gautam เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับอุตสาหกรรมของเราระหว่างการจัดกิจกรรม Global Hackcelerator Programme ในงาน FinTech Festival 2018 ของสิงคโปร์ และหลังจากนั้น ก็ได้ร่วมงานกันเพื่อช่วยสานต่อความพยายามของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับ Gautam เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านต่อไป”

Gautam กล่าวว่า “ผมยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัทที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากให้กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธนาคาร ที่ผ่านมา SPIN Analytics คือผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน เป็นผู้บุกเบิกทางด้านระบบอัตโนมัติปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้ (Explainable AI) ในการทำแบบจําลองความเสี่ยงด้านเครดิตตามข้อบังคับ ผมมั่นใจว่าด้วยความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิกในคณะกรรมการที่ปรึกษาและทีมผู้บริหาร เราจะช่วยให้ SPIN Analytics สามารถทำให้ธนาคารทั่วโลกและธนาคารดิจิทัลต่าง ๆ นำ RISKROBOTTM มาใช้ได้เร็วขึ้น”

ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานด้านความเสี่ยงของทั้งประเทศ หน้าที่รับผิดชอบของ Gautam คือการบริหารจัดการความเสี่ยงใน ๆ ทุกด้านของการดำเนินงานของธนาคาร HSBC ในสิงคโปร์ และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการสมาคมบริหารจัดการความเสี่ยงของ Singapore Chapter รวมถึงวิทยากรระดับนานาชาติให้กับงานประชุมและการสัมมนาทางออนไลน์ของรัฐบาล

Gautam ฝากผลงานมากมายไว้ในโครงการ National KYC Utility และการสร้างระบบนิเวศสีเขียว (Green eco-system) นับตั้งแต่ปี 2562 เขาได้ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน Demo Day ในกิจกรรม Global Hackcelerator และคณะกรรมการคัดเลือกผู้รับรางวัล FinTech Awards ในงาน Singapore FinTech Festival นอกจากนี้เขายังให้ความสนใจอย่างมากในเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงทางด้านสภาพภูมิอากาศด้วย ปัจจุบัน Gautam ยังเป็นประธานวางขั้นตอนการทำงานด้านการบริหารความเสี่ยงให้กับกลุ่มงาน Green Finance Industry และยังเป็นประธานร่วมในการวางขั้นตอนการทำงานเพื่อร่างมาตรฐานการเปลี่ยนแปลงด้วย

ปีนี้ SPIN Analytics และ สมาคมบริหารจัดการความเสี่ยงของ Singapore Chapter ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการเสวนาโต๊ะกลมการเป็นผู้นำทางความคิดในหัวข้อ Model Risk Management in COVID-19 ซึ่ง Gautam ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการของ RMA เข้าร่วมในการเสวนาด้วย

– สิ้นสุดเนื้อหา –

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211208005490/en/

ติดต่อ:

Panos Skliamis, panos.skliamis@spin-analytics.com, +447778284864

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้เล่น OTT ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกาศสนับสนุน Unified ID 2.0

Logo

โซลูชันการระบุตัวตนแบบใหม่ได้ขยายตัวในภูมิภาคด้วยการสนับสนุนจากแพลตฟอร์ม OTT ที่สำคัญ

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–09 ธ.ค. 2564

ผู้นำด้านการโฆษณาระดับโลก The Trade Desk (NASDAQ: TTD) ประกาศว่าโครงการ Unified ID 2.0 ได้ขยายไปสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนื่องจากผู้เล่นชั้นนำ (OTT) ชั้นนำประกาศการสนับสนุน  Unified ID 2.0 ได้รับการพัฒนาครั้งแรกโดย The Trade Desk เป็นตัวระบุใหม่ที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวซึ่งสร้างขึ้นจากอีเมลที่แฮชและเข้ารหัส โดยได้รับการออกแบบจากมุมมองของผู้บริโภค  Unified ID 2.0 เป็นแนวทางใหม่ทั่วทั้งอุตสาหกรรมในการระบุตัวตนทางอินเทอร์เน็ตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาคุณค่าของการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ให้การควบคุมผู้บริโภคและความเป็นส่วนตัวอยู่ในระดับแนวหน้า

ผู้เล่น OTT ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ Unified ID 2.0 เพื่อรักษากระแสเนื้อหาอย่างเสรีเพื่อแลกกับการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแพลตฟอร์ม OTT ระดับภูมิภาค iQiyi, TrueID, WeTV/iflix; FPT Play และ VTV Giai Tri (VTVE) ในเวียดนาม; และ Vidio ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม OTT ในพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย  Unified ID 2.0 ช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาใช้นามแฝงของข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง และอนุญาตให้ผู้โฆษณาเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลลูกค้าบุคคลที่หนึ่งและวัดการลงทุนด้านสื่อโดยไม่ต้องใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม

Unified ID 2.0 ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก รวมถึงจากบริษัทข้อมูลและบริษัทโฮลดิ้งโฆษณารายใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากผู้เผยแพร่โฆษณาด้วยการให้โอกาสพวกเขาในการพิสูจน์การแลกเปลี่ยนมูลค่าของอินเทอร์เน็ตแบบเปิดเพิ่มเติม ประโยชน์หลักสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาอาจรวมถึง:

  • กลยุทธ์ – ผู้เผยแพร่โฆษณาสามารถจับคู่ผู้ชมกับผู้ลงโฆษณาได้ต่อไป จัดการความถี่และการวัดผลลัพธ์ เพื่อรักษากลยุทธ์ที่ยั่งยืน
  • ความเป็นอิสระ – ตัวระบุแบบเปิดหมายความว่าการสร้างรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาจะพึ่งพาการกระทำของเบราว์เซอร์และอุปกรณ์แต่ละตัวน้อยลง
  • ประสบการณ์ผู้บริโภคที่ดีขึ้น – การควบคุมของผู้บริโภคจะทำให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างและรักษาความไว้วางใจกับผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น การกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยให้โหลดโฆษณาน้อยลงและประสบการณ์ของผู้บริโภคโดยรวมดีขึ้น

“การทำงานร่วมกันเกี่ยวกับ Unified ID 2.0 ช่วยให้ผู้เผยแพร่ดิจิทัลสามารถเข้าร่วมในโครงการริเริ่มทั่วทั้งอุตสาหกรรมนี้เพื่อบุกเบิกแนวทางใหม่ในการระบุตัวตน เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้เห็นการสนับสนุนจากผู้เล่น OTT ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Bihao Pan หัวหน้าผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายคู่ค้าฝ่ายสื่อของ The Trade Desk กล่าว “เราทุกคนร่วมมือกันสร้างอินเทอร์เน็ตแบบเปิดที่ดีกว่าและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รับการนำไปใช้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ ID ขยายและเติบโตต่อไป ในขณะที่ตั้งเป้าที่จะให้ผู้บริโภคมีความโปร่งใสและการควบคุมมากขึ้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Unified ID 2.0 กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์

เกี่ยวกับ Unified ID 2.0

Unified ID 2.0 เป็นโซลูชันการระบุตัวตนยุคหน้าซึ่งเป็นกรอบงานดิจิทัลแบบโอเพนซอร์ส ด้วยการพัฒนาเบื้องต้นที่นำโดย The Trade Desk ทำให้ Unified ID 2.0 เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างกว้างขวางของผู้เผยแพร่ ผู้ซื้อ และผู้ให้บริการเทคโนโลยีทั่วทั้งอุตสาหกรรม โดยทำหน้าที่เป็นทางเลือกแทนคุกกี้ของบุคคลที่สามที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็รักษาการแลกเปลี่ยนมูลค่าของโฆษณาที่เกี่ยวข้องในช่องทางและอุปกรณ์ต่างๆ

Prebid.org องค์กรอิสระที่ออกแบบมาเพื่อรับรองและส่งเสริมตลาดกลางที่ยุติธรรมและโปร่งใสทั่วทั้งอุตสาหกรรม ได้ตกลงที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ Unified ID 2.0

เกี่ยว The Trade Desk

The Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิทัลผ่านรูปแบบโฆษณาและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มแบบบริการตนเองที่ใช้ระบบคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลหลัก สินค้าคงคลัง และพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณาช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุด และ API ระดับองค์กรช่วยให้สามารถพัฒนาแบบกำหนดเองได้บนแพลตฟอร์ม  The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง เวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม thetradedesk.com หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter, และ LinkedIn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208005804/en/

ติดต่อสื่อ

Shaw Wun Lim

The Trade Desk

shawwun.lim@thetradedesk.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers เปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายบนมือถือ ‘IMPACT’ สำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจต่อสังคมทั่วโลก

Logo

IMPACT ให้ผู้ใช้ลงทุนตามค่านิยมและสร้างโลกที่พวกเขาต้องการเห็น

กรีนิช คอนเนตทิคัต–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรกเกอร์ระดับโลกเปิดตัว IMPACT ให้กับนักลงทุนทั่วโลกในวันนี้ IMPACT เป็นแอปพลิเคชันซื้อขายบนมือถือที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร ทั้งนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนจัดพอร์ตโฟลิโอให้เข้ากับค่านิยมได้อย่างง่ายดาย และช่วยกำหนดอนาคตที่พวกเขาต้องการเห็น ในการขยายขอบเขตจากความคิดริเริ่มในการซื้อขายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของเรา IMPACT โดย Interactive Brokers นำเสนอการออกแบบแอปที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการลงทุนที่ยั่งยืนสำหรับนักลงทุนทุกราย ตามด้วยการเปิดตัว IMPACT แก่นักลงทุนในสหรัฐฯ การเปิดตัวทั่วโลกเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การพิจารณา ESG ได้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนในระดับโลก เครือข่าย Global Impact Investor Network ประมาณการขนาดตลาดรวมที่ 715 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริหารจัดการโดย 1,720 องค์กร

“IMPACT นำคุณประโยชน์และค่านิยมที่เสนอโดย Impact Dashboard ของเรามาวางไว้ในมือของนักลงทุน” Will Peterffy ผู้อำนวยการ ESG ของ Interactive Brokers กล่าว “เรากำลังเป็นผู้นำนักลงทุนรุ่นใหม่ในการลงทุนตามมูลค่าโดยช่วยให้พวกเขาพัฒนาแผนการลงทุนที่มีสติสัมปชัญญะตามค่านิยมส่วนบุคคลที่ให้ความรับผิดชอบและความโปร่งใส”

IMPACT เปิดโอกาสให้นักลงทุนเลือกเกณฑ์การลงทุนส่วนบุคคลจากมูลค่าผลกระทบและหลักการ 13 ประการ ได้แก่ อากาศอันบริสุทธิ์ น้ำอันบริสุทธิ์ ชีวิตในมหาสมุทร สุขภาพของแผ่นดิน ความปลอดภัยของผู้บริโภค ความเป็นผู้นำทางจริยธรรม ความเสมอภาคทางเพศ ความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ การรวมกลุ่ม LGBTQ ความโปร่งใสของบริษัท วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โมเดลธุรกิจที่ใส่ใจ และแรงงานที่เป็นธรรมและชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง นักลงทุนยังสามารถกันการลงทุนออกไปตาม 10 หมวดหมู่: การทดสอบในสัตว์, การโต้เถียงด้านจริยธรรมทางธุรกิจ, การใช้จ่ายและการล็อบบี้ทางการเมืองขององค์กร, การใช้พลังงานอย่างเข้มข้น, เชื้อเพลิงฟอสซิล, การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ของเสียอันตราย, การใช้น้ำสูง, ยาสูบ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการพนัน, ผู้ผลิตอาวุธและปืน

จากการเลือกเหล่านี้ แอปจะให้คะแนนผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนและการถือครองที่มีอยู่ และระบุบริษัทที่สอดคล้องกับเกณฑ์ที่นักลงทุนเลือก (Interactive Brokers ใช้ข้อมูล ESG ที่ได้รับจากผู้ขายที่เป็นบุคคลภายนอก และรวมเข้ากับการตั้งค่ามูลค่าของลูกค้าเพื่อสร้างคะแนนผลกระทบ) โดยสิ่งนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการตรวจสอบตัวชี้วัดทางการเงินสำหรับหุ้น และตรวจสอบคะแนนผลกระทบของบริษัท ทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการปรับปรุงคะแนนผ่านการคัดเลือกบริษัททางเลือกในลักษณะที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ

IMPACT ยังมีฟีเจอร์ “Swap” ซึ่งเป็นข้อเสนอเฉพาะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับตำแหน่งในสกุลเงินดอลลาร์เดียวกันจากหุ้นหนึ่งไปยังอีกหุ้นหนึ่งได้ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวนักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นได้พร้อมกันตามคะแนนผลกระทบเปรียบเทียบของบริษัทหนึ่งกับอีกบริษัทหนึ่ง คุณลักษณะนี้มีให้สำหรับหุ้นสหรัฐฯ เท่านั้น

“ฟังก์ชัน 'Swap' ของ IMPACT ก้าวไปไกลกว่าคู่แข่งของเรา เพื่อให้ลูกค้าสามารถจัดตำแหน่งพอร์ตโฟลิโอใหม่ได้อย่างง่ายดายด้วยสิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุด ซึ่งเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง” Edward Soffer ผู้จัดการ ESG ของ Interactive Brokers กล่าว “แอปนี้ออกแบบมาสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่เข้าใจว่าการลงทุนของพวกเขาสร้างผลกระทบและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง”

พร้อมกับการเปิดตัว Interactive Brokers ได้ร่วมมือกับ One Tree Planted บนโครงการ IMPACT Plant a Forest ที่มีให้สำหรับลูกค้า 30,000 คนแรกที่ลงทะเบียนกับ IMPACT,โครงการ Plant a Forest เปิดโอกาสให้นักลงทุนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ในทุก ๆ 1,000 ดอลลาร์ที่นักลงทุนฝากเข้าบัญชี IMPACT จะปลูกต้นไม้ให้ 25 ต้น สำหรับต้นไม้ 1 ต้นต่อเงินฝาก 40 ดอลลาร์ ลูกค้า IBKR ที่ใช้แอป IMPACT สามารถช่วยเหลือความพยายามในการปลูกป่าและนำ IMPACT ไปปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น แคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก โกตดิวัวร์ หรืออินเดีย One Tree Planted เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ปลูกต้นไม้ทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการตัดไม้ทำลายป่า และร่วมมือกับองค์กรปลูกป่าที่คัดเลือกมาอย่างดีในอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลและดาวน์โหลดแอป IMPACT สามารถเยี่ยมชมได้ที่:

สหราชอาณาจักร: https://impact.interactivebrokers.co.uk/
ยุโรปตะวันตก: https://impact.interactivebrokers.ie/
ยุโรปกลาง: https://impact.interactivebrokers.hu/
ออสเตรเลีย: https://impact.interactivebrokers.com.au/
ฮ่องกง: https://impact.interactivebrokers.com.hk/
สิงคโปร์: https://impact.interactivebrokers.com.sg/
แคนาดา: https://impact.interactivebrokers.ca/
ประเทศอื่น ๆ: https://impact.interactivebrokers.com

IMPACT ไม่มีให้บริการสำหรับผู้ที่พำนักอยู่ในอินเดียหรือญี่ปุ่น

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc .:

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการดำเนินการซื้อขายอัตโนมัติและการดูแลหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตลอดเวลาในตลาดกว่า 135 แห่งในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR บัญชีเดียวไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการแก่นักลงทุนรายย่อย กองทุนป้องกันความเสี่ยง กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้แนะนำโบรกเกอร์ การมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติตลอดสี่ทศวรรษที่ทำให้เราสามารถจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่มีความล้ำหน้าสลับซับซ้อนเฉพาะตัวแก่ลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะมอบราคาดำเนินการและการซื้อขายที่ได้เปรียบ เครื่องมือจัดการความเสี่ยงและพอร์ตโฟลิโอ สิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าของเรา โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีเลย วางตำแหน่งเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหนือกว่า Barron ได้จัดอันดับ Interactive Brokers #1 ด้วยคะแนน 5 จาก 5 ดาว ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นรีวิวโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211208005630/en/

ติดต่อ

สื่อ: Katherine Ewert, media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NielsenIQ รับคำท้าการวัดผลผ่านหลายช่องทาง

Logo

การลงทุนของ NielsenIQ ในโซลูชันอีคอมเมิร์ซมอบมุมมองชั้นนำเกี่ยวกับตลาดรวมทั้งหมด

ชิคาโก–(บิสิเนสไวร์)– 08 ธ.ค. 2564

เส้นทางนักช้อปมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคสามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาทำ ดู และได้ยินได้มากขึ้น  นั่นหมายความว่าเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและวิเคราะห์การขาย ส่วนแบ่งการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคจะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย  ในสภาพแวดล้อมที่ยังคงประสบกับการเปลี่ยนแปลง การวัดเวลา สถานที่ และวิธีที่ผู้บริโภคซื้อเป็นสิ่งสำคัญ  ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว (FMCG) สามารถคาดการณ์แนวโน้มและตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคได้เร็วขึ้น

แม้ว่าช่องทางออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือจะเป็นโลกออนไลน์ แต่เครื่องมือวัดอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่กระจัดกระจาย  ผู้ใช้ต้องรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ภาพรวมของตลาด  NielsenIQ กำลังเปลี่ยนแปลง FMCG และอุตสาหกรรมค้าปลีกด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำซึ่งนำเสนอมุมมองตลาดออฟไลน์และออนไลน์แบบบูรณาการ ถูกต้อง สมบูรณ์ และละเอียดยิ่งขึ้น ทำให้วิเคราะห์แนวโน้มผ่านช่องทางต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

การเข้าซื้อกิจการ Foxintelligence จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อเสนอของเราทั่วโลก

Foxintelligence เป็นบริษัทด้านการวัดผลอีคอมเมิร์ซและวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป  บริษัทดำเนินการกลุ่มผู้บริโภคที่สอดคล้องกับ GDPR ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีผู้ซื้อออนไลน์ที่ใช้งานอยู่กว่า 600,000 รายในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และสหราชอาณาจักร และจะสามารถขยายความครอบคลุมและเสนอตลาดเพิ่มเติมในฐานะบริษัทที่ขับเคลื่อนโดย NielsenIQ

แปดเดือนหลังจากกลายเป็นบริษัทเดี่ยว NielsenIQ ได้เข้าซื้อกิจการที่สำคัญหลายครั้ง และเพิ่มการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเร่งการส่งมอบผลิตภัณฑ์และสร้างโซลูชันที่ครอบคลุม พลิกโฉมแนวทางการวัดผลและการวิเคราะห์ที่มีให้สำหรับ FMCG และอุตสาหกรรมค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“เป้าหมายของเราคือเปลี่ยนวิธีดำเนินการและให้บริการลูกค้า ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วขึ้น การลงทุนที่เราทำมาจนถึงตอนนี้กำลังสร้างรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงของ NielsenIQ และนำความสามารถหลักมาใช้ในองค์กรเพื่อจัดการกับปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ลูกค้าของเราเผชิญในวันนี้และจะเผชิญในอนาคต” Lorena Elizondo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ NielsenIQ กล่าว

“เป้าหมาย NielsenIQ คือการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซแบบองค์รวม Foxintelligence เป็นเครื่องมือในกลยุทธ์นี้ โดยขยายขอบเขตของโซลูชันการวัดผลการค้าปลีกที่ไม่มีใครเทียบได้ของเรา  พวกเขาเปิดเผยจุดบอดทางออนไลน์ เช่น ตลาดกลาง ผู้เชี่ยวชาญด้านหมวดหมู่ ผู้บริโภคโดยตรง การค้าขายด่วน และไมล์สุดท้าย เป็นต้น ซึ่งครอบคลุมตลาดอย่างเต็มรูปแบบ” Clément Colin หัวหน้าฝ่ายการวัดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศของ NielsenIQ กล่าว

Foxintelligence รวบรวมใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ต้องระบุชื่อ เพื่อสร้างข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียด ครอบคลุม และเป็นกรรมสิทธิ์  ข้อมูลนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของความอัจฉริยะด้านการตลาดในยุคการบริโภคดิจิทัลในปัจจุบัน และ NielsenIQ จะผลักดันข้อมูลดังกล่าวให้ก้าวไปข้างหน้า

“เราภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมครอบครัว NielsenIQ  เราได้ทำงานมานานกว่าหนึ่งปีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา และตอนนี้เราจะมอบวิสัยทัศน์ของตลาดออนไลน์และออฟไลน์ที่ครอบคลุมและบูรณาการมากขึ้น” Edouard Nattée ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Foxintelligence กล่าว

การเข้าซื้อกิจการ Foxintelligence ถือเป็นก้าวล่าสุดที่ NielsenIQ กำลังดำเนินการในการให้ข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่ก้าวล้ำและครอบคลุม  ในเดือนกันยายน 2564 NielsenIQ ได้ซื้อ Rakuten Intelligence และ Data Impact เพื่อปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอโซลูชันอีคอมเมิร์ซและขยายไปทั่วโลก

เกี่ยวกับ NielsenIQ

NielsenIQ เป็นผู้นำในการให้บริการมุมมองพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่สมบูรณ์ที่สุด  NielsenIQ ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มข้อมูลผู้บริโภคที่ก้าวล้ำและขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ที่หลากหลาย ทำให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ค้าปลีกชั้นนำของโลกสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดและมั่นใจ

ด้วยการใช้ชุดข้อมูลที่ครอบคลุมและการวัดผลธุรกรรมทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน NielsenIQ ช่วยให้ลูกค้ามีมุมมองเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแพลตฟอร์มการค้าปลีกทั้งหมด ปรัชญาเปิดของเราในการรวมข้อมูลช่วยให้มีชุดข้อมูลผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก  NielsenIQ มอบความจริงที่สมบูรณ์

NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Advent International มีการดำเนินงานในเกือบ 100 ตลาด ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม NielsenIQ.com

เกี่ยวกับ Foxintelligence

ภารกิจของ Foxintelligence คือการมอบอำนาจให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้วยข้อมูล เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานของสังคมและบริษัท บริษัทนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดของอีคอมเมิร์ซในยุโรป โดยปลดล็อกข่าวกรองจากผู้ค้าหลายร้อยรายและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ของแบรนด์นับพัน  เพราะเหตุนี้ Foxintelligence รวบรวมข้อมูลเชิงพาณิชย์เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซจากอีเมล (เช่น ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์): ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา Foxintelligence สามารถจัดโครงสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มองไม่เห็นมาก่อนในตลาดและทำให้พร้อมใช้งานบน SaaS ของพวกเขา แพลตฟอร์ม: Foxapp.

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208005244/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

สำหรับสื่อในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก

Fernanda Paredes, fernanda.paredes@nielseniq.com, +1 917-291- 1196

Alex Tekip, alexandra.tekip@nielseniq.com, +1 517-249-2588

สำหรับสหภาพยุโรป

ฝรั่งเศส: Sebastien Monard, sebastien.monard@nielseniq.com, +33 6 85 32 94 61

เยอรมนี: Julia Mayer, julia.mayer@nielseniq.com  

สเปน: Marta Correia da Silva, marta.correia@nielseniq.com 

อิตาลี: Lara Clementi, lara.clementi@nielseniq.com, +39 344 0164721

สหราชอาณาจักร: Mikolaj Piotrowski, mikolaj.piotrowski@nielseniq.com, +48661950246

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คิดเป็น 74% ของการลงทุนของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ในตลาดอาเซียนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

Logo

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIR)–7 ธ.ค. 2564

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีส่วนร่วมคิดเป็นร้อยละ 74 ของการลงทุนของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ GCC ในตลาดอาเซียนในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ตามรายงานของเอกสารฉบับใหม่ที่เผยแพร่โดย Dubai Chamber ก่อนการประชุม Global Business Forum (GBF) อาเซียนครั้งแรกในดูไบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211207005565/en/

H.E. Hamad Buamim, President and CEO, Dubai Chamber (Photo: AETOSWire)

H.E. Hamad Buamim ประธานและ CEO หอการค้าดูไบ (ภาพ: AETOSWire)

ดำเนินการโดย Economist Intelligence Unit (EIU) และได้รับมอบหมายจากหอการค้าดูไบ รายงานในชื่อเรื่อง Uncharted Territory: การค้าและการลงทุนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างอาเซียนและ GCC เป็นการตรวจสอบสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและประเมินโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การดำเนินงานระหว่างสองภูมิภาคในยุคหลังโรคระบาด

ตามรายงานจากเอกสารนำเสนอข้อมูล มูลค่ารวมของการลงทุนจาก GCC ในภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 13.4 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมกราคม 2559 ถึงกันยายน 2564 โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับรายงานนี้โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาครัฐและเอกชน เมื่อพวกเขารวมตัวกันที่งาน Expo 2563 Dubai เพื่อการเปิดตัว GBF ASEAN ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8-9 ธันวาคม พ.ศ. 256

เอกสารให้ข้อมูล ระบุว่ายังคงมีศักยภาพมากมายสำหรับบริษัทในกลุ่มอาเซียนและ GCC ในการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร และการแบ่งปันความรู้ในภาคส่วนสำคัญ ๆ ที่สามารถสร้างกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสองภูมิภาค โดยมีเพียง 2% ของการนำเข้าทั้งหมดของอาเซียนระหว่างปี 2559 ถึง 2563 เท่านั้น ที่มาจาก GCC ในทางกลับกัน ภูมิภาคอาเซียนก็รวมคิดเป็นเพียง 4% ของการส่งออกทั้งหมดของ GCC เท่านั้น ในช่วงระยะเวลาห้าปี ซึ่งมีมูลค่าถึง 126 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำมันดิบ (43%) และโพลีเมอร์พลาสติก (20%)

H.E.  Hamad Buamim ประธานและซีอีโอของ Dubai Chamber กล่าวว่ารายงานดังกล่าวให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับศักยภาพที่มีอยู่ระหว่างสองภูมิภาค ซึ่งช่วยให้ธุรกิจทั้งสองฝ่ายตัดสินใจอย่างชาญฉลาด มีการสำรวจโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ และหลอมรวมพันธมิตรข้ามพรมแดนที่ขับเคลื่อนความยั่งยืน การเจริญเติบโต

สามารถหาอ่านรายงานได้ ที่นี่

สำหรับบรรณาธิการ:

ภารกิจของ หอการค้าดูไบคือ การนำเสนอ สนับสนุน และปกป้องผลประโยชน์ของชุมชนธุรกิจในดูไบ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ และส่งเสริมดูไบให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ นับตั้งแต่ก่อตั้งหอการค้า หอการค้าได้มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดูไบในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกในด้านการเงิน ธุรกิจ และการลงทุน

*แหล่งที่มา: AETOSWire

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211207005565/en/

ติดต่อ:

Ruba Abdel Halim

หอการค้าและอุตสาหกรรมดูไบ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

โทร: +97142028450

อีเมล: ruba.halim@dubaichamber.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

i2c สร้างสถิติด้านอุตสาหกรรมพร้อมการใช้งานใหม่มากกว่า 20 รายการผ่าน 10 ตลาดในเดือนพฤศจิกายน

Logo

ผู้นำด้านการชำระเงินระดับโลกและธนาคารดิจิทัลรายงานความต้องการทางด้านบริการทั่วโลกที่แข็งแกร่ง พร้อมการใช้งานใหม่อีก 50 รายการซึ่งมีกำหนดจะแล้วเสร็จก่อนไตรมาสที่ 1 ปี 2565

เรดวูดซิตี้ แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–07 ธันวาคม 2564

i2c Inc. ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการชำระเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีการธนาคาร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ปรับใช้โปรแกรมการชำระเงินและธนาคารดิจิทัลใหม่มากกว่า 20 รายการ สำหรับลูกค้าผ่าน 10 ตลาดและ 4 ทวีป ช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว

“ระดับการเติบโตที่ผสมผสานกับความหลากหลายของลูกค้าและโปรแกรมต่าง ๆ ที่เราพบเห็นในธุรกิจของเราในวันนี้ ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงกลยุทธ์การเติบโตและทีมงานระดับโลกของเรา” Amir Wain ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ i2c Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นทางเลือกสำหรับผู้มีวิสัยทัศน์ในด้านการชำระเงินและพื้นที่ธนาคารดิจิทัล ขณะที่พวกเขาทำงานเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมทางการเงินและขยายการเข้าถึงไปยังผู้ใช้ปลายทางหลายล้านคนทั่วโลก” เขากล่าว

i2c ขับเคลื่อนผู้นำด้านอุตสาหกรรมในฟินเทค ธนาคารดิจิทัล สกุลเงินดิจิทัล และสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมบนแพลตฟอร์มเดียวทั่วโลกที่คล่องตัว ความสำเร็จในช่วงครึ่งปีงบประมาณนี้รวมถึงพันธมิตรองค์กรรายใหม่ ตลอดจนผลิตภัณฑ์และการขยายโปรแกรมทั่วโลกสำหรับโปรแกรมต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ รวมถึง: 1derful (ออสเตรเลีย), BEYON Money (บาห์เรน), Caary (แคนาดา), Crypto.com (บราซิล), Standard International Bank (เปอร์โตริโก), Solid (สหรัฐอเมริกา) และ TAG (ปากีสถาน)

i2c ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์และบริการการชำระเงินที่หลากหลายตั้งแต่บัตรเดบิตและบัตรเติมเงินไปจนถึงการให้สินเชื่อ (ทั้งสินเชื่อผู้บริโภคและสินเชื่อเชิงพาณิชย์ รวมถึง BNPL และ LOC) ที่มีการเข้าถึงพันธมิตรเครือข่ายรายใหญ่ทุกราย (American Express, Discover, Mastercard, Visa และ Union Pay) นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการด้านการธนาคารและการชำระเงินที่มีมูลค่าเพิ่มแก่พันธมิตร เช่น การป้องกันการฉ้อโกง ศูนย์ติดต่อ การบริหารข้อพิพาท ตลอดจนเว็บในรูปแบบ white-label และแอปมือถือต่าง ๆ

เกี่ยวกับ i2c Inc.

i2c เป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านโซลูชันการชำระเงินและการธนาคารที่สามารถปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ ด้วยการใช้เทคโนโลยี “building block” ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ i2c ลูกค้าสามารถสร้างและจัดการชุดโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับเครดิต เดบิต การชำระล่วงหน้า การให้ยืม และอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า i2c มอบความยืดหยุ่น ความคล่องตัว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่เหนือชั้นจากแพลตฟอร์ม SaaS เดียวทั่วโลก i2c ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 และมีสำนักงานใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ เทคโนโลยียุคหน้าของ i2c รองรับผู้ใช้หลายล้านคนในกว่า 200 ประเทศ/เขตแดนและในทุกเขตเวลา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.i2cinc.com และติดตามเราได้ที่ @i2cinc

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211207005335/en/

ติดต่อ:

Heather Clifton
Chief Marketing Officer
media@i2cinc.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี ด้วยพลังของชาวเกาหลี! มาสัมผัสกับ Metaverse โดยการเปิดคอนเสิร์ต ‘K-VIBE CONCERT’ คอนเสิร์ตที่ใช้ Metaverse เพื่อเพิ่มความเสมือนจริง

Logo

– คอนเสิร์ต metaverse ครั้งแรกในเกาหลีโดยใช้ ZEPETO Live –

– 'HAHAHOHO Gyeongju World' ที่คุณสามารถสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของชิลลาและเสน่ห์ของคยองจูได้ในเวลาเดียวกัน

โซล, เกาหลีใต้–กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (รัฐมนตรีฮวังฮี) และองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (ประธาน อัน ยอง แบ) ได้มีการ จัดคอนเสิร์ต 'K-VIBE CONCERT' Metaverse โดยใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง(XR) สอดคล้องกับยุคของไวรัสโควิด (ฟื้นฟูชีวิตประจำวันที ละขั้นตอน) และกระแสการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล       

The Ministry of Culture, Sports, and Tourism and the Korea Tourism Organization have organized the K-VIBE CONCERT, a metaverse concert made possible through XR. The K-VIBE CONCERT is held on December 8th. It will feature leading musical artists representing K-Pop from the 1st to the 4th generation, including BoA, SHINee's Key, aespa, DJ Raiden, Brave Girls, Mommy Son, and Wonstein. The dance crew LACHICA, immensely popular following their appearance on the Street Woman Fighter TV program, will also be in attendance, performing a dance highlighting Korea's unique character. (Graphic: Business Wire)

K-VIBE CONCERT ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 (วันพุธ) ของเดือนนี้โดยใช้ XR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของ Metaverse นำเสนอความงดงาม ของทั่วประเทศเกาหลีให้กับคนเจนใหม่ทั่วโลก พร้อมทั้งจัดเตรียมการต่างๆมาเพื่อนำเสนอประสบการณ์ และแรงบันดาลใจใหม่ๆ สำหรับการท่องเที่ยวในเกาหลี

คอนเสิร์ตนี้จะตกแต่งด้วยองค์ประกอบที่มีสีสันและอุดมไปด้วยคอลเลกชันของเนื้อหาเกี่ยวกับการเต้นรำ, ละคร, ความงาม และเว็บตูนซึ่งเริ่มต้นจาก K-POP โดยในคอนเสิร์ตครั้งนี้ยังมีตัวแทนของคลื่นเกาหลีในแต่ละยุคตั้งแต่ยุคที่ 1 ถึงยุคที่ 4  นักร้องคีย์ของ SHINee และโบอา ที่เปรียบเสมือนผู้บุกเบิกของ K-POP และศิลปินรุ่นใหม่เช่น aespa, Brave Girls, DJ Raiden, Mommy Son, Wonstein เพื่อเข้ามาดึงดูดสายตาของคนเจนใหม่ทั่วโลก

ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ยังมีการเข้าร่วมของนักเต้น 'LACHICA' ซึ่งได้รับความรักมากมายผ่าน 'Street Woman Fighter' โดยจะเข้ามานำเสนอการเต้นที่แสดงสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีด้วย พร้อมทั้งนักเขียนเว็บตูนระดับโลก 'ยาองอี' จะปรากฏตัวและเข้าร่วมกิจกรรมในหัวข้อ 'เคล็ดลับและกลเม็ดสำคัญ K-BEAUTY' ซึ่งจะไม่เพียงแต่กำหนดเป้าหมายรสนิยม ของคนเจนใหม่ทั่วโลก แต่ยังกระตุ้นความต้องการที่จะไปเยือนเกาหลีอีกด้วย ในคอนเสิร์ตนี้จะมีพิธีกรที่ดำเนินรายการและเป็นล่าม โดยคุณอัน ฮยอน โม และอนุปัม ตรีปาฐิ ที่โด่งดังไปทั่วโลกผ่านละครของ Netflix เรื่อง 'Squid Game' และคาดว่าจะมอบความสนุก อีกครั้งด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา

K-VIBE CONCERT เป็นคอนเสิร์ต metaverse ครั้งแรกในเกาหลีที่ใช้ฟังก์ชันสดของ ZEPETO บนแพลตฟอร์ม metaverse ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีวางแผนที่จะอนุญาตให้คนเจนใหม่ทั่วโลกรับชมคอนเสิร์ต K-VIBE ผ่าน ZEPETO Live และในวันที่ 2 ธันวาคม(พฤหัส)มีแผนการจะเปิดแผนที่เหมือนจริงด้วย metaverse ของ ZEPETO เพื่อดู 'HAHAHOHO Gyeongju World' ที่ยังคงสงวนไว้ถึงมรดกทางวัฒนธรรมสมัยชิลลา

โบราณสถานของคยองจูที่ยังคงหลงเหลือรวมถึงวัฒนธรรมที่รุ่งโรจน์ของชิลลา เช่น Cheomseongdae, Cheonmachong , Poseokjeong Pavilion Donggung Palace and Wolji Pond และ Royal Tomb of King Michu และถนนฮวังรีทัลที่มี ความสมัยใหม่ ถูกนำมาแสดงด้วย metaverse ผ่านงาน ' HAHAHOHO Gyeongju World' ตั้งอยู่ในเมืองคยองจูพร้อมกับการผสมผสาน มรดกทางวัฒนธรรมในปัจจุบัน จนกลายเป็นพื้นที่ ที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรม 'สุดฮิป' ของเกาหลีได้ในที่เดียว  องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีต้องการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของชิลลา ไปพร้อมกับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองคยองจู เช่น Gyeongju Gyochon Traditional Village เพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงความงดงามของเกาหลีใต้

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีจะใช้สถานที่ยอดนิยมของเมืองคยองจู เช่น Hwangnam Bakery, Yangji Coffee Shop และ Sina Self Photography Studio ในพื้นที่ metaverse และให้การส่งเสริมความร่วมมือกับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในแง่ของ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล) องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีกำลังวางแผนที่จะมอบคูปองส่วนลดและคูปองอัดรูปให้กับผู้เข้าชม HAHAHOHO Gyeongju World' คูปองส่วนลดที่ให้ในครั้งนี้ สามารถใช้ได้จริงเมื่อไปที่ร้านธุรกิจขนาดเล็กทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ Hwangnam Bakery, Yangji Coffee Shop และ Sina Self Photography Studio ดาวน์โหลดคูปองส่วนลดและคูปองอัดรูปนี้ ใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2021 และสามารถใช้ได้จริงที่เมืองคยองจูจนถึงสิ้นปี 2022  องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ได้จัดทำโซนภาพถ่ายร่วมกับ สายการบิน Korean Air และมอบเป็นของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมถ่ายรูปที่ระลึกสำหรับการสัมผัส ประสบการณ์แผนที่ในงานด้วย

โอ ชุง ซ็อป หัวหน้าทีมการตลาดแบรนด์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีกล่าวว่า “ในขณะที่โลกให้ความสนใจเกาหลีผ่านความสำเร็จ ของคอนเทนต์ ฮันรยูต่างๆ K-VIBE CONCERT จะเป็นโอกาสสร้างความประทับใจให้คนเจนใหม่ทั่วโลก ได้มีความต้องการท่องเที่ยวเกาหลี” เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  K-VIBE CONCERT คอนเสิร์ต metaverse ครั้งแรกในเกาหลีที่จะจัดขึ้นและ 'HAHAHOHO Gyeongju World' ซึ่งคุณสามารถพบกับมรดกทางวัฒนธรรมของคยองจูและวัฒนธรรมสมัยใหม่ในปัจจุบันจะได้รับความสนใจและเข้าร่วมชมเป็นจำนวนมาก”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52544577/en

ติดต่อ:

Korea Tourism Organization

Brand Marketing Team

Choongsub Oh

+82-33-738-3331

ocs@knto.or.kr

Kichan Nam

+82-33-738-3335

yuki4@knto.or.kr

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (NTHU) ต้นแบบด้านความยั่งยืน

Logo

ซินจู๋, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–2 ธันวาคม 2564

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (NTHU) ได้รับรางวัล Taiwan University Sustainability Award ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับองค์กรและบริษัทที่อยู่ในไต้หวันและได้รับการยอมรับด้านความยั่งยืน จากงาน Taiwan Corporate Sustainability Awards (TCSA) ครั้งที่ 14 ซึ่งจัดโดยสถาบัน Taiwan Institute for Sustainable Energy (TAISE) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวามีความโดดเด่นจาก 38 มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ โดยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในการประเมินภาพรวม และในการแข่งขันรายบุคคลยังได้รับรางวัล Social Inclusion Leadership Award และ University Sustainability Report Gold Award อีกด้วย

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูออย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211202005031/en/

National Tsing Hua University was awarded the Taiwan University Sustainability Award. President Hocheng Hong (center) and Chief Sustainability Officer Tai Nyan-hwa (second from the left), Sustainability Office Director Lin Fu-ren (first from the left), Vice President and Chief of Staff King Chung-Ta (second from the right), Dean of International College Doong Ruey-an (first from the right). (Photo: National Tsing Hua University)

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (NTHU) ได้รับรางวัล Taiwan University Sustainability Award. Hocheng Hong (กลาง) อธิการบดี และ Tai Nyan-hwa (คนที่สองจากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน, Lin Fu-ren (คนแรกจากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานความยั่งยืน, King Chung-Ta (คนที่สองจากขวา) รองอธิการบดีและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพนักงาน), Doong Ruey-an (คนแรกจากขวา) คณบดีวิทยาลัยนานาชาติแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา)

คณะกรรมการตัดสินกล่าวถึงแนวทางที่เป็นแบบอย่างซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาได้บ่มเพาะจากความสามารถหลัก ๆ ด้านการสอนและการวิจัยเพื่อตอบสนองต่อการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมตามข้อกำหนดของการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินโครงการรณรงค์ทั่วทั้งวิทยสาขาเพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ พวกเขายังประทับใจในจรรยาบรรณการทำงานของมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาที่เน้นความหลากหลายและความเท่าเทียม ตลอดจนการมอบรางวัลให้แก่คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่มีผลงานโดดเด่นในด้านการวิจัย การสอน การให้คำปรึกษา และการบริการสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อสังคมในวงกว้างและช่วยยกระดับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ ในแง่ของความยั่งยืนนั้น มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาได้แสดงออกตามคำขวัญของมหาวิทยาลัยเสมอมา โดยคำขวัญนั้นคือ การเป็นตัวของตัวเองและช่วยดูแลธรรมชาติ “To Oneself Be True, Give Nature Its Due” 

Hocheng Hong อธิการบดีมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความงามตามธรรมชาติของมหาวิทยาลัยเดินหน้าไปพร้อมกับหลักการของความยั่งยืน นอกเหนือจากการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในไต้หวันที่แต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความยั่งยืนแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวายังมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในระดับปริญญาตรีทั้งหมด 517 หลักสูตร และระดับบัณฑิตศึกษา 216 หลักสูตร ซึ่งรวมกันเป็น 13% ของหลักสูตรในมหาวิทยาลัย

Tai Nyan-hwa รองอธิการบดีอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาชี้ให้เห็นว่า เพื่อให้แนวคิดเรื่องความยั่งยืนในทุกระดับลึกซึ้งยิ่งขึ้น ฝ่ายธุรการและวิชาการแต่ละแห่งจึงได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน โดยทั้ง 26 คนเป็นสมาชิกของคณะกรรมการความยั่งยืน ซึ่งจะมีการประชุมกันทุก ๆ สองเดือนเพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนาล่าสุดและประสานงานการดำเนินการต่าง ๆ

Lin Fu-ren ผู้อำนวยการสำนักงานความยั่งยืน กล่าวว่า เนื่องจากการวิจัย การสอน และการบริการสาธารณะเป็นงานที่สำคัญที่สุดของมหาวิทยาลัย ความพยายามในช่วงแรก ๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนจึงเน้นที่การส่งเสริมให้ครู นักวิจัย และนักศึกษาบูรณาการหลักการของความยั่งยืนเข้าไว้ในงานที่กำลังปฏิบัติอยู่ คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาจำนวนมากกำลังดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ 17 เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ในกระบวนการนี้ พวกเขาได้แสดงให้เห็นว่าการมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาจะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างไร

Lin Fu-ren กล่าวอีกว่านอกเหนือจากทุน Rising Sun ที่สนับสนุนนักเรียนที่ด้อยโอกาสทางการเงินอย่างต่อเนื่องแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวายังได้จัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบความยากลำบากอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกับเป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติที่ว่า “ความยากจนจะต้องไม่มี” และ “การศึกษาที่มีคุณภาพ”

Lin Fu-ren ยังชี้ให้เห็นอีกว่าการทำให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นจริงนั้นต้องหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนไว้ในหัวใจของนักศึกษา ดังนั้นเมื่อเรียนจบ เมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะงอกงามและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในสังคม

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211202005031/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Honor to Knight! เปิดตัวผลิตภัณฑ์ DRAG S/X PnP-X Kit

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–02 ธันวาคม 2564

ในเดือนพฤศจิกายน VOOPOO ได้ประกาศเปิดตัว DRAG S/X PnP-X KIT ในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ดำเนินการอัปเกรดทางเทคนิคอย่างครอบคลุมบนพื้นฐานของ DRAG S/X มอบแนวคิดหลักของ “ความกล้าหาญ” ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ และยกย่องความรุ่งโรจน์และคุณธรรมของอัศวิน

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211202005381/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

โดยมีต้นกำเนิดมาจากจิตวิญญาณแห่งศิลปะการต่อสู้ของเยอรมันในยุคกลาง จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญจึงถูกรวมไว้ในทหารของสนามรบยุโรปในศตวรรษที่ 11 และผู้พิทักษ์จักรพรรดิและนักรบของพระคริสต์ ทุกวันนี้ ความกล้าหาญยังคงดำเนินต่อไปในวัฒนธรรมและแสดงออกอย่างมีเกียรติในฐานะสุภาพบุรุษ แม้กาลเวลาจะผ่านไป สิ่งเดียวที่คงอยู่คือศรัทธาที่อัศวินยึดมั่นและคุณธรรมแปดประการของอัศวินที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของพวกเขา หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคกลางในตำนานและขุดค้นแก่นของความกล้าหาญ การออกแบบของ VOOPOO และบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาก็ประทับใจอย่างสุดซึ้ง ข้อเสนอหลักสี่ประการของ ” เกียรติยศ” ” ความกล้าหาญ” “ความยุติธรรม” และ “จิตวิญญาณ” รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ DRAG S/X PnP-X KIT เพื่อให้ผู้บริโภคได้ค้นพบ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกครั้งเป็นการหลอมรวมของ VOOPOO และความหมายแฝงของอัศวิน และก้อนเมฆทุกชิ้นเป็นภาพจิตวิญญาณของอัศวินที่รีบเร่งไปยังสนามรบอย่างกล้าหาญ

DRAG S/X PnP-X KIT มีให้เลือกสีอัศวินใหม่ถึงห้าสี ซึ่งแต่ละสีแสดงถึงภาษาการออกแบบที่หลากหลาย Shield Gold – Knight Templar เพื่อปกป้องความยุติธรรม Knight Red – อัศวินสวมหน้ากากเพื่อการแสวงหาความยุติธรรม Knight Chestnut – อัศวินมังกรผู้พิทักษ์เกียรติยศ Eagle Black – อัศวินดำผู้กล้าหาญและไม่เกรงกลัว Knight Grey – ผู้พิทักษ์เพื่อจิตวิญญาณ

PnP-X Pod นั้นแสดงจิตวิญญาณของอัศวิน โดยวัสดุโลหะและปุ่มเติมที่ด้านบนได้รับการอัปเกรด และสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ปากสูบ 510 drip tip ได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ป้องกันการรั่วซึม สะดวก และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น มาปลดปล่อยจิตวิญญาณของอัศวินด้วย PnP-X Pod จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่สนุกสนานในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า

ผลิตภัณฑ์ชุดอัศวินนำเสนอ “ระบบไหลเวียนของอากาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด” ที่รองรับการปรับทางเดินหายใจ ยิ่งไปกว่านั้น อัศวินเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเป็นวีรบุรุษ DRAG S/X PnP-X KIT รวบรวมจิตวิญญาณความกล้าหาญของอัศวิน มาพร้อมกับชิป GENE.TT อันทรงพลัง และกำลังไฟที่ปรับได้ตั้งแต่ 5-60/80w ผลิตภัณฑ์สามารถเริ่มใช้ได้ใน 0.001 วินาที มีฮาร์ดแวร์อันทรงพลังเพียงพอที่อัศวินทุกคนสามารถพุ่งเข้าสู่การต่อสู้โดยไม่ต้องวิตกกังวลใด ๆ

ภารกิจของอัศวินคือการปกป้องประเทศและดินแดน ความรุ่งโรจน์ ศรัทธา และเจ้าหญิงอันเป็นที่รักในหัวใจของพวกเขา DRAG S/X PnP-X KIT ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ในตัว 2500 mAh และแบตเตอรี่ภายนอก 18650 ตามลำดับ อินเทอร์เฟซการชาร์จอย่างรวดเร็วของ Type-C 5V/2A ช่วยให้อัศวินทุกคนได้รับเลือดอย่างเต็มที่เพื่อให้ฟื้นคืนชีพในทันที เพื่อปกป้อง DRAG S/X PnP-X KIT คือการปกป้องจิตวิญญาณของอัศวิน ความหมายแฝงทางวัฒนธรรมที่สืบทอดและสร้างสรรค์มาเป็นเวลานับพันปี

DRAG S/X PnP-X KIT ได้รับการอัปเกรดโดยอิงจาก DARG S&DARG X จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือการอัปเกรดเครื่องทำละอองแบบครอบคลุม และอีกประการหนึ่ง PnP X Pod ได้อัปเกรดแหวนตกแต่งโลหะด้วยพื้นผิวแบบอัศวิน อีกทั้งปุ่มเติมด้านบนใช้งานสะดวกมากขึ้น โดยการออกแบบป้องกันการรั่วซึมมีความรัดกุมมากขึ้น และสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ปากสูบ 510 drip tip ได้ทุกเมื่อ กล่าวโดยย่อว่าการอัปเกรด DRAG S/X PnP-X KIT นั้นครอบคลุมและคุ้มค่าที่จะซื้อ ในขณะเดียวกันนักสูบที่ชอบรูปลักษณ์ของอัศวินก็ไม่ควรพลาดผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดนี้ด้วย “จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ” มาร่วมแสดงความยกย่องสรรเสริญแด่อัศวินไปด้วยกัน!

ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ DRAG S/X PnP-X KIT และ DARG S/X PRO นั้นแตกต่างกัน DARG S/X PRO เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักสูบมืออาชีพที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์กับพลังที่มากขึ้นและหมอกควันที่ใหญ่ขึ้น

VOOPOO ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 มีการเติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้นและขณะนี้จำหน่ายออกไปทั่วโลกแล้ว VOOPOO เป็นองค์กรไฮเทคที่รวมการวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลิต และการดำเนินงานของแบรนด์ โดยมีชุดผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดสี่ชุดด้วยกันคือ: DRAG, VINCI, ARGUS และ V Series ทั้งนี้ VOOPOO มีพนักงานมากกว่า 3000 คนทั่วโลก และธุรกิจของบริษัทครอบคลุมกว่า 70 ประเทศและภูมิภาคในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย

คำเตือน: ผลิตภัณฑ์นี้อาจใช้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำยาที่มีนิโคติน ทั้งนี้นิโคตินเป็นสารเคมีมีฤทธิ์ในทางการเสพติด

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ https://www.voopoo.com/ และสามารถติดตามเพจของเราได้ที่ IGFacebook และ TikTok 

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211202005381/en/

ติดต่อ:

สื่อ: Tingkai Xu
ตำแหน่ง:ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ (Senior PR Manager):
หมายเลขโทรศัพท์: 15957944779

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LintonPharm ประกาศว่ามีผู้ป่วยรายแรกที่ไม่ตอบสนองต่อ BCG ได้รับ Catumaxomab ในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 ในการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามกล้ามเนื้อ

Logo

กวางโจ, จีน–(BUSINESS WIRE)–01 ธันวาคม 2564

LintonPharm Co., Ltd. บริษัทชีวเภสัชกรรมทางคลินิกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีนซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาที-เซลส์ (T-cell) ของแอนติบอดีชนิด bispecific สำหรับการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด วันนี้ประกาศว่ามีผู้ป่วยรายแรกที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วย Bacillus Calmette-Guerin (BCG) ได้รับ catumaxomab (clinicaltrials.govNCT04799847) ในโครงการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1/2 ของบริษัท ซึ่ง catumaxomab เป็นโมโนโคลนัลแอนติบอดีชนิด bispecific ที่กำลังมีการศึกษาสำหรับการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลาม (NMIBC)

Robert Li, PH.D., DABT, ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ LintonPharm กล่าวว่า “การเริ่มทดลองใช้ catumaxomab ระยะที่ 1 สำหรับการรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามเป็นขั้นตอนสำคัญในโปรแกรมทดลองทางคลินิกของเราเพื่อประเมิน catumaxomab ว่าเป็นการรักษาแบบกำหนดเป้าหมายในมะเร็งประเภทต่าง ๆ ได้หรือไม่ ผู้ป่วยที่ล้มเหลวจากการรับ BCG เพื่อรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามต้องมีวิธีการรักษาใหม่เนื่องจากข้อจำกัดของการรักษาในปัจจุบันที่นำมาซึ่งการวินิจฉัยที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น อัตราการกลับมาเป็นเนื้องอกอยู่ในระดับสูง ความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ และอาการแทรกซ้อนตลอดอายุขัย จากข้อมูลก่อนการทดลองและประสบการณ์ทางคลินิกกับผู้ป่วยที่เคยได้รับ catumaxomab ในอดีตผ่านโปรแกรมการนำยามาใช้รักษาผู้ป่วยที่ไม่ได้เข้าร่วมการวิจัย เราหวังว่า catumaxomab จะเป็นการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามที่ล้มเหลวจากการรับยา BCG”

การตีพิมพ์ล่าสุดระบุถึงประโยชน์ของการรักษาโดยใช้ catumaxomab ในฐานะยาที่นำมาใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามและมีโมเลกุลยึดเกาะของเซลล์เยื่อบุผิว (EpCAM) มีการบันทึกไว้ว่า catumaxomab นั้นมีความทนทานและประสิทธิภาพที่ดีในการควบคุมเนื้องอก[1] จากข้อมูลและศักยภาพในการพัฒนา catumaxomab สามารถมอบการรักษาที่เป็นเห็นผล ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วย มะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามหากได้รับการอนุมัติ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นมะเร็งที่ได้รับการวินิจฉัยมากที่สุดเป็นอันดับที่ 10 ของโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 573,000 รายในปี 2563 และประมาณ 75% ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลาม[2][3] ปัจจุบัน การรักษาหลักของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลาม ได้แก่ การผ่าตัดผ่านท่อปัสสาวะ เคมีบำบัด และการให้ยา BCG ทางเส้นเลือด[3]

เกี่ยวกับ Catumaxomab

Catumaxomab ได้รับการอนมัติจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ในปี 2552 สำหรับการรักษาโรคท้องบวม แอนติบอดีชนิด bispecific นี้จับกับไกลโคโปรตีนชนิดทรานส์เมมเบรนบนเซลล์เนื้องอก ซึ่งเป็นโมเลกุลยึดเกาะของเซลล์เยื่อบุผิว (EpCAM) และ CD3 บนที-เซลล์ (T-cell) และยังคัดเลือกเซลล์เสริมภูมิคุ้มกันผ่านการจับ FcγR ซึ่ง Catumaxomab จะทำลายเซลล์เนื้องอกโดยกระตุ้นที-เซลส์และเซลล์เสริมที่เป็นสื่อกลางในการเกิด cytotoxicity และมีศักยภาพในการก่อให้เกิดผลของวัคซีนในระยะยาวซึ่งได้รับการตรวจสอบแล้วในสัตว์ทดลอง

เมื่อเร็วๆ นี้ catumaxomab ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีน ไต้หวัน และ เกาหลีใต้ให้ทำการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ระดับโลกสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลาม (clinicaltrials.govNCT04222114)

เกี่ยวกับ LintonPharm

LintonPharm Co. , Ltd. เป็นบริษัทชีวเภสัชกรรมที่มุ่งเน้นการวิจัยทางคลินิกซึ่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรม ที-เซลส์ (T-cell) ที่เกี่ยวข้องกับแอนติบอดีชนิด bispecific โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนมะเร็งร้ายให้เป็นโรคที่สามารถจัดการได้และอาจรักษาให้หายได้ LintonPharm กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มแอนติบอดีชนิด bispecific หลายแบบที่มาพร้อมกับศักยภาพด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ การเกิดผลของวัคซีนในระยะยาว และประสิทธิภาพของ CMC โครงการในปัจจุบันได้แก่การพัฒนาแนวทางการรักษามะเร็งเม็ดเลือดและเนื้องอกชนิดแข็ง โมเลกุลชั้นนำอย่าง catumaxomab กำลังได้รับการประเมินในการทดลองทางคลินิกสำหรับรักษาทั้งมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลามและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะชนิดไม่ลุกลามกล้ามเนื้อ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.lintonpharm.com

[1]. Ruf P, Bauer HW, Schoberth A, Kellermann C, Lindhofer H (2021). First time intravesically administered trifunctional antibody catumaxomab in patients with recurrent non muscle invasive bladder cancer indicates high tolerability and local immunological activity. Cancer Immunology, Immunotherapy. http://doi.org/10.1007/s00262-021-02930-7

[2]. World Health Organization (WHO). Globocan 2020. Global Cancer Observatory. สืบค้นเมื่อ 7 มกราคม 2564. https://gco.iarc.fr/

[3]. Kamat AM, Hahn NM, Efstathiou JA, et al. (2016) Bladder cancer. Lancet 2016. 388: 2796-810. http://dx.doi.org/10.1016/S0140-6736(16)30512-8

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211201005307/en/

สื่อในสหรัฐฯ ติดต่อ:
Tim Hay
The Grace Communication Group
tim@gracegroup.us

สื่อในเอเชียแปซิฟิกติดต่อ:
Mia He
LintonPharm
jingyi.he@lintonpharm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย