Featurespace เปิดตัวโครงข่ายพฤติกรรมเชิงลึกแบบอัตโนมัติ

Logo

ผู้นำโลกด้านการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรเปิดตัวระบบป้องกันบัตรเครดิตและระบบชำระเงินที่ปลอดภัยขึ้นอีกขั้น

ลอนดอน & แอตแลนตา & สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–25 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ Featurespace ได้เปิดตัว Automated Deep Behavioral Networks สำหรับอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและระบบชำระเงิน เพื่อมอบการป้องกันที่ลึกไปอีกขั้นสำหรับปกป้องผู้บริโภคจากการฉ้อโกง การปลอมแปลงบัญชี กลโกงเกี่ยวกับบัตรและการชำระเงิน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายราว 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2563

“ความสำคัญของการพัฒนาครั้งนี้เป็นมากกว่าการชี้ให้เห็นถึงปัญหาอาชญากรรมทางการเงินขององค์กร นี่คือยุคใหม่ของเทคโนโลยี Machine Learning อย่างแท้จริง” Dave Excell ผู้ก่อตั้ง Featurespace กล่าว

การประดิษฐ์คิดค้น

การประดิษฐ์คิดค้นครั้งสำคัญของเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกนี้ต้องใช้วิธีการทางด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมการเรียนรู้ด้วยเครื่อง หรือ Machine Learning รูปแบบใหม่ทั้งหมดในการสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมา โครงข่ายพฤติกรรมเชิงลึกแบบอัตโนมัติ หรือ Automated Deep Behavioral Networks เป็นโครงข่ายที่สร้างขึ้นใหม่จากสถาปัตยกรรมของโครงข่ายประสาทแบบวนซ้ำ หรือ Recurrent Neural Networks ที่มีเฉพาะในเวอร์ชันล่าสุดของ ARIC™ Risk Hub เท่านั้น

ความท้าทายและการค้นพบ

เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกมีการประยุกต์ใช้อย่างหลากหลาย เช่น ในการประมวลผลภาษาธรรมชาติสำหรับการคาดเดาคำที่มาต่อท้ายประโยค อย่างไรก็ตาม การใช้งานของเทคโนโลยีดังกล่าวในการป้องการกลโกงเกี่ยวกับบัตรเครดิตและการตรวจจับการฉ้อโกงในระบบชำระเงินยังไม่มีการปรับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อใช้ปกป้องบริษัทและผู้บริโภคจากการฉ้อโกงเกี่ยวกับบัตรและการชำระเงิน แต่นวัตกรรมที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะเข้ามารับมือกับความท้าทายดังกล่าว

การทำธุรกรรมนั้นจะเกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ ทำให้การเข้าใจบริบทของเวลามีความสำคัญต่อการทำนายพฤติกรรม ก่อนหน้านี้ ในการสร้างโมเดลการเรียนรู้ด้วยเครื่องที่มีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันการฉ้อโกง นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านโดเมนในระดับลึกเพื่อที่จะสามารถระบุและเลือกคุณลักษณะของข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่สำคัญ

Featurespace Research ได้พัฒนาโครงข่ายพฤติกรรมเชิงลึกแบบอัตโนมัติขึ้นเพื่อให้การค้นหาคุณลักษณะเป็นไปโดยอัตโนมัติและช่วยให้เซลล์หน่วยความจำเรียนรู้ความเข้าใจดั้งเดิมเกี่ยวกับความสำคัญของเวลาในขั้นตอนการทำธุรกรรม ซึ่งจะปรับปรุงประสิทธิภาพระดับแถวหน้าของตลาดของการวิเคราะห์พฤติกรรมการปรับตัวของบริษัท การตรวจพบการโกงก่อนที่เงินในบัญชีของเหยื่อจะถูกดูดออกไปเป็นการป้องกันการฉ้อโกง การปลอมแปลงบัญชี และการโจมตีเกี่ยวกับบัตรเครดิตและการชำระเงินที่ดีที่สุด สำหรับประโยชน์ของโครงข่ายพฤติกรรมเชิงลึกแบบอัตโนมัติสำหรับกลุ่มต่าง ๆ มีดังนี้:

ผู้บริโภค:

  • ทำธุรกรรมที่ไม่มีความผิดปกติได้โดยมีกระบวนการตรวจสอบยืนยันที่ลดลง และ
  • สารถระบุการฉ้อโกง การปลอมแปลงบัญชี การโจมตีเพื่อฉ้อโกงเกี่ยวกับบัตรเครดิตและการชำระเงินโดยอัตโนมัติก่อนที่เงินของเหยื่อจะถูกดูดออกจากบัญชี

นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล:

  • สามารถค้นหาคุณลักษณะในการทำธุรกรรมได้โดยอัตโนมัติ
  • สามารถส่งต่อตรรกะการเรียนรู้ของเครื่องในแต่ละชั้นของโมเดลได้ตลอด
  • สามารถใช้ความผิดปกติของการกระทำต่าง ๆ ของมนุษย์ระบุพฤติกรรมที่ไม่ปกติ และ
  • สามรถเก็บรักษาการค้นพบทั้งหมดโดยการวิเคราะห์พฤติกรรมการปรับตัวของ Featurespace เอาไว้

อุตสาหกรรมบัตรเครดิตและการชำระเงิน:

  • ปรับปรุงความแน่นอนของคะแนนความเสี่ยงในการทำธุรกรรมทุกรูปแบบ (มีการตรวจจับการฉ้อโกงระหว่างการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น และระบุพฤติกรรมปกติได้อย่างถูกต้องเพื่อให้สามารถรับการทำธุรกรรมได้มากขึ้น)
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบชำระเงินประเภทต่าง ๆ รวมถึงบัตรเครดิตและระบบ ACH/BACS, การโอนเงิน, ระบบ P2P และการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้น
  • ปรับปรุงการตรวจจับการฉ้อโกงแบบ high-value, low-volume (และการตรวจจับการฉ้อโกงแบบ low-value, high-volume)
  • ลดขั้นตอนในการยืนยันตัวตน
  • มีเอกสารกำกับสำหรับโมเดลที่มีความเข้มงวด พร้อมด้วยตรรกะที่อธิบายได้ การตัดสินใจและโค้ดเหตุผลที่เหมาะสม และ
  • การให้คะแนนแบบเรียลไทม์ที่มีความเสถียร ให้ปริมาณงานสูง และระยะเวลาในการตอบสนองที่มีความหน่วงต่ำสำหรับองค์กรที่มีความสำคัญทางธุรกิจ แม้ในช่วงที่มีการใช้งานสูง

Excell กล่าวต่อว่า “เพราะการชำระเงินแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล และความต้องการของผู้บริโภคต้องการการเคลื่อนย้ายของเงินอย่างทันที บทบาทของเราคือการสร้างความมั่นใจว่าอุตสาหกรรมนี้มีเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการปกป้ององค์กรของพวกเขาและผู้บริโภคจากอาชญากรรมทางการเงิน ผมภูมิใจอย่างมากในทีมวิจัยของเราและความมุ่งมั่นของพวกเขาในการเป็นตัวแทนของผู้บริโภคสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ของเครื่อง”

เกี่ยวกับ Featurespace – www.featurespace.com

Featurespace™ เป็นผู้นำระดับโลกในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรสำหรับการฉ้อโกงและการต่อต้านการฟอกเงิน Featurespace ได้คิดค้นการวิเคราะห์พฤติกรรมการปรับตัว หรือ Adaptive Behavioral Analytics และสร้างแพลตฟอร์ม ARIC™ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์การเรียนรู้ของเครื่อง หรือ Machine Learning แบบเรียลไทม์ที่ระบุคะแนนความเสี่ยงของสถานการณ์ในกว่า 180 ประเทศ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงิน

ARIC™ Risk Hub ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ ตรวจจับการโจมตีจากการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยในแบบเรียลไทม์ สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกกว่า 30 แห่งใช้ ARIC เพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของตน ลูกค้าของ ARIC ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะ ได้แก่ HSBC, TSYS, Worldpay, NatWest Group, Contis, Danske Bank, ClearBank, AK Bank และ Permanent TSB

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210225005221/en/

ติดต่อ:

Michael Touchton, Featurespace
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสาร
Michael.touchton@featurespace.com
+1 (423) 364-5491

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Vault Micro: CameraFi Live แอปถ่ายทอดสดของ Android เปิดตัวฟีเจอร์สตรีมมิ่งแนวตั้ง DSLR สำหรับ Live E-Commerce

Logo

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–26 กุมภาพันธ์ 2564

Vault Micro ผู้พัฒนาแอปถ่ายทอดสด CameraFi Live ประกาศว่าแอปได้เปิดตัวการอัปเดตของการเชื่อมต่อ DSLR ในโหมดแนวตั้งสำหรับการถ่ายทอดสดในการการไลฟ์ขายของทางออน์ไลน์คุณภาพสูง ช่วยให้ผู้ใช้ CameraFi Live สามารถใช้ DSLR หรือกล้องวิดีโอเพื่อถ่ายทอดวิดีโอคุณภาพระดับมืออาชีพสำหรับการซื้อของแบบไลฟ์สดในแนวตั้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210225005057/en/

Mobile App,

แอปบนอุปกรณ์มือถือ “CameraFi Live” โดย Vault Micro (กราฟิก: Business Wire)

การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป รวมถึงวิธีการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเข้าถึงร้านค้า ผู้คนจึงเปลี่ยนมาซื้อสินค้าทางออนไลน์ ผู้บริโภคเริ่มหันมาดูวิดีโอการขายแบบถ่ายทอดสดเพื่อสัมผัสประสบการณ์ในการโต้ตอบแบบเรียลไทม์เหมือนปกติที่เคยใช้จ่ายในร้านค้า ในขณะที่เทรนด์ดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ผู้ค้าปลีกเริ่มมองหาโซลูชันการถ่ายทอดสดแบบมืออาชีพเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและขายสินค้าได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ค้าขายรายย่อยไม่สามารถเช่าสตูดิโอและซื้ออุปกรณ์สตรีมมิ่งคุณภาพสูงได้

เนื่องจากวิดีโอการซื้อของแบบไลฟ์สดส่วนใหญ่เป็นแนวตั้ง และความต้องการของผู้ค้าปลีกในการสตรีมมิ่งคุณภาพสูงจึงเพิ่มขึ้น CameraFi Live ได้อัปเดตเพื่อรองรับการออกอากาศแนวตั้ง DSLR ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทโฟน ส่วนกล้อง DSLR จะใช้เซ็นเซอร์ภาพขนาดใหญ่ทำให้ได้ความละเอียดและความคมชัดที่ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น DSLR ยังรองรับการซูมเข้าหรือออกและโฟกัสที่คมชัดเพื่อแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ DSLR ยังมีในรูปแบบระยะและโฟกัสที่หลากหลาย มุ่งเน้นเพื่อให้ผู้ขายสามารถตอบสนองต่อคำขอของลูกค้าได้อย่างยืดหยุ่น

CameraFi Live เป็นแอปการถ่ายทอดสดสำหรับผู้ใช้ Android  โดยนำวิธีง่ายๆ ในการขายสินค้าผ่านการถ่ายทอดสดพร้อมวิดีโอระดับมืออาชีพบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, YouTube และ Instagram แอปนี้สามารถทำการถ่ายทอดสดได้ประมาณ 30,000 รายการทุกวันจากส่วนต่างๆ ของทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย อินโดนีเซีย และประเทศในอเมริกาใต้ CameraFi Live ยังมอบเอฟเฟกต์การซื้อของแบบเรียลไทม์ โดยให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ เช่น ชื่อสินค้า ราคาสินค้า กิจกรรมลดราคา และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างการออกอากาศ ด้วยฟังก์ชันเหล่านี้จึงได้รับการประเมินว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือการไลฟ์ขายของที่มีประโยชน์มากที่สุด

Seongil Kim ประธานบริหารของ Vault Micro กล่าวว่า “การถ่ายทอดสดเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการช่วยให้ลูกค้าเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น และได้รับความจงรักภักดีของพวกเขาซึ่งสามารถนำไปสู่การขายได้มากขึ้น ผมหวังว่า CameraFi Live จะช่วยให้ผู้ใช้ขายผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์และเชื่อมต่อกับลูกค้าออนไลน์ผ่านการออกอากาศแบบเรียลไทม์” นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำว่าเขามีแผนที่จะร่วมมือกับแพลตฟอร์มไลฟ์อีคอมเมิร์ซต่อไป เพื่อให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่มืออาชีพสามารถเริ่มการถ่ายทอดสดได้โดยไม่ยาก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210225005057/en/

ติดต่อ:

Eunji Lee
ฝ่ายการตลาด (ผู้จัดการ)
+82-70-8676-7740
leeeunji@vaultmicro.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TEPCO Power Grid Incorporated และ บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด ร่วมกันชนะการประกวดสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีย่อยใต้ดิน จากการประกาศต่อสาธารณะโดยการไฟฟ้านครหลวงแห่งประเทศไทย

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–25 ก.พ. 2564

TEPCO Power Grid, Inc. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว ต่อไปนี้จะเรียกว่า“ TEPCO PG”) ร่วมกับ บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด(สำนักงานใหญ่: กรุงเทพฯ กรรมการผู้จัดการ: มนตรี บุษบาธร ต่อจากนี้เรียกว่า“ ATT”) ประกาศการลงนามในวันนี้ในสัญญาที่ปรึกษากับการไฟฟ้านครหลวง (สำนักงานใหญ่: กรุงเทพมหานคร; ผู้ว่าการ: กีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์; ต่อไปนี้เรียกว่า“ กฟน.”) เพื่อให้บริการเป็นที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าใต้ดิน โดยนี่จะเป็นครั้งแรกที่ TEPCO PG ให้บริการที่ปรึกษาสำหรับการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าใต้ดินในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005467/en/

More than 40 years’ experience in underground substation construction and O&M, including in the vast and densely populated Tokyo area. (Graphic: Business Wire)

ประสบการณ์มากกว่า 40 ปีในการก่อสร้างสถานีย่อยใต้ดินและ O&M ซึ่งรวมถึงในพื้นที่โตเกียวที่กว้างใหญ่และประชากรหนาแน่น (กราฟิก: Business Wire)

กฟน. มีแผนจะก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยใหม่ให้กลมกลืนกับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ เนื่องในวาระที่สวนลุมพินีครบรอบ 100 ปีในปี พ.ศ. 2568 การสร้างสถานีย่อยใต้ดินด้านล่างสวนสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและรักษาสภาพแวดล้อมโดยรอบ ประสบการณ์มากกว่า 40 ปีของ TEPCO PG ในการออกแบบการก่อสร้าง การดำเนินการ และการบำรุงรักษาสถานีไฟฟ้าใต้ดินในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ตลอดจนถึงงานวิจัยหัวข้อ“ การศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นสำหรับสถานีไฟฟ้าย่อยที่แข็งแกร่งและกะทัดรัดในกรุงเทพฯ” (ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม) นำไปสู่การได้เข้าทำสัญญานี้

ในโครงการนี้ TEPCO PG จะเสนอการออกแบบสถานีย่อยใต้ดินขั้นพื้นฐานที่คำนึงถึงความปลอดภัยในพื้นที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบ และการตรวจสอบข้อกำหนดของอุปกรณ์และแบบแผนผังสำหรับสถานีย่อยใต้ดิน ในระหว่างการดำเนินงานนั้น TEPCO PG จะช่วยให้ กฟน. สร้างสถานีย่อยใต้ดินในสถานที่สาธารณะเป็นรูปธรรม

TEPCO PG จะใช้ประโยชน์จากการวางแผนสิ่งอำนวยความสะดวก การออกแบบ และเทคโนโลยีการทำงานของระบบกริดที่ได้รับการพัฒนาผ่านธุรกิจส่งและจำหน่ายไฟฟ้าในประเทศและบริการให้คำปรึกษาในต่างประเทศและตอบสนองความท้าทายในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงในด้านการให้คำปรึกษาการก่อสร้างสถานีย่อยใต้ดิน

โครงร่าง “การให้บริการด้านการปรึกษาโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพมหานครประเทศไทย”

1. ระยะเวลาโครงการและพื้นที่

  • กุมภาพันธ์ 2564 – สิงหาคม 2566 (ตามแผน)
  • เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร (ณ ที่ตั้งของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยและย่านการค้าที่พลุกพล่านแห่งหนึ่ง)

2. ภาพรวมคู่สัญญา

ชื่อบริษัท

การไฟฟ้านครหลวง

ตัวแทน

กีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ (ผู้ว่าราชการจังหวัด)

ก่อตั้ง

1 สิงหาคม 2501

ที่ตั้ง

กรุงเทพมหานคร

โครงร่างธุรกิจ

ธุรกิจแจกจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ

3. คำอธิบายโครงการ

  • สนับสนุนการสร้างสถานีย่อยใต้ดินในที่สาธารณะโดยมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมของชุมชน

สถานีย่อยใต้ดิน (ตามแผน)

แรงดันไฟฟ้าหลัก (Primary Voltage)

115 kV หรือ 69 kV

แรงดันไฟฟ้ารอง (Secondary Voltage)

24 kV หรือ 12 kV

ความจุของสถานีย่อย

ประมาณ 240 MVA

4. บทบาทของ TEPCO Power Grid, Inc.

  • ข้อเสนอการออกแบบขั้นพื้นฐาน (ข้อกำหนดของอุปกรณ์ รูปแบบอุปกรณ์ ฯลฯ )
  • ตรวจสอบแบบเค้าโครงและข้อมูลจำเพาะของอุปกรณ์
  • การสนับสนุนขั้นตอนการเสนอราคา (การจัดเตรียมเอกสารการเสนอราคาและการรวบรวมราคาโดยประมาณ)
  • การตรวจสอบภาพวาดและเอกสารอื่น ๆ ที่ส่งโดยผู้รับเหมา

5. ภาพรวมคู่สัญญา

ชื่อบริษัท

ATT Consultants Company Limited

ตัวแทน

ดร. มนตรี บุษบาธร (กรรมการผู้จัดการ)

ก่อตั้ง

 27 เม.ย. 1990

ที่ตั้ง

กรุงเทพมหานคร

โครงร่างธุรกิจ

บริการให้คำปรึกษาด้านพลังงานพลังงาน ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ ท่าเรือ สาธารณูปโภค ฯลฯ

6. ประสบการณ์สถานีย่อยใต้ดินของ TEPCO PG

  • ประสบการณ์มากกว่า 40 ปีในการก่อสร้างสถานีย่อยใต้ดินและ O&M รวมถึงในพื้นที่โตเกียวที่กว้างใหญ่และมีประชากรหนาแน่น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005467/en/

ติดต่อ:

So Terauchi

สำนักงานเลขานุการและบริหารความเสี่ยง, TEPCO Power Grid, Inc.

tepcopg@tepco.co.jp / +81-3-6373-1111

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Sangfor NGAF ได้รับการจัดอันดับ ‘AAA’ จาก CyberRatings.org ใน Enterprise Firewall + SSL / TLS

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–25 กุมภาพันธ์ 2564

Sangfor Technologies มีความภูมิใจที่จะประกาศการจัดอันดับ AAA ในการจัดอันดับผลิตภัณฑ์ Enterprise Firewall + SSL / TLS ของ CyberRatings.org ในปี 2564 ซึ่งเผยแพร่ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 Sangfor NGAF ให้การป้องกันและมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด โดยได้รับคะแนนประสิทธิภาพความปลอดภัยสูงสุดที่ 99.7% ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) สูงกว่าราคาที่กำหนด และได้รับคะแนนสูงที่ี่สุดในกลุ่มผู้ขาย 11 รายที่ได้รับการจัดอันดับ

CyberRatings.org เป็นองค์กรสมาชิกใหม่ โดยให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อชุมชนในความปลอดภัยทางไซเบอร์ ก่อตั้งโดยอดีตประธานบริหารของ NSS Labs และ CyberRatings.org ให้การจัดอันดับที่เป็นกลาง รายงานทางเทคนิค และการวิเคราะห์อุตสาหกรรมสำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่หลากหลาย

 “ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยของ Sangfor นั้นโดดเด่นด้านการป้องกันเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการป้องกันการหลบหลีก 264 จาก 264 ครั้งและ 2325 จาก 2331 ในการป้องกันช่องโหว่ต่างๆ”  Vikram Phatak ประธานบริหารของ CyberRatings.org กล่าว “การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้ามากเท่าไร จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นทางเลือกที่จริงจังให้ผู้ขายเป็นที่ยอมรับมากขึ้น”

การระบาดใหญ่ครั้งนี้ทำให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปแทบทุกด้าน ทั้งทางธุรกิจ การเดินทาง ที่อยู่อาศัย และแม้แต่โลกของไอทีเองได้เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยองค์กรต่างๆ ได้ถูกขับเคี่ยวให้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้เร็วขึ้น แนวโน้มเทรนด์การทำงานจากระยะไกล ส่งผลให้มีการนำระบบคลาวด์เข้ามาใช้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงความยืดหยุ่นที่มากขึ้นในการรักษาธุรกิจที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามการโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนที่มากขึ้น ดังนั้นทีมไอทีขององค์กรจำเป็นต้องนำกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยแบบใหม่มาใช้อย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องทรัพย์สินจากการโจมตีทางไซเบอร์ภายใต้งบประมาณที่จำกัด หรือ TCO ที่ต่ำกว่าซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกไฟร์วอลล์รุ่นใหม่ (NGFW)

รายงานที่น่าเชื่อถือจากองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่อผู้ขายรายใดรายหนึ่ง ซึ่งคำแถลงหรือผลการทดสอบเหล่านี้ี จะช่วยให้คุณได้ทราบข้อมูลต่างๆ และผลการทดสอบที่ไม่มีความเอนเอียงหรืออคติ ในขณะที่ผู้ขายทุกรายอ้างว่าเทคโนโลยีของตนสามารถทำให้เครือข่ายของลูกค้าปลอดภัย แต่ก็ไม่สามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ หากไม่มีการตรวจสอบหรือผลการทดสอบจากองค์กรอิสระ

ผลการทดสอบที่สำคัญ:

  • ประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย:
    • อัตราการบล็อก 99.7% สำหรับตัวอย่างทั้งหมด 2331 ตัวอย่าง
    • อัตราการบล็อก 100% สำหรับทุกเทคนิคการหลบหลีกเช่น HTTP Evasions, IP Packet Fragmentation/TCP Segmentation และ Combination of Evasions
  • SSL/TLS: รองรับชุดการเข้ารหัสมาตรฐานทั้งหมด
  • ความเสถียรและความน่าเชื่อถือ: ทำงานได้ 100% ในการทดสอบทั้งหมด พิสูจน์ความเสถียรของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ NGAF ในขณะที่การตรวจจับและแจ้งเตือนได้อย่างต่อเนื่องเมื่อตรวจพบการใช้งานที่เป็นอันตราย

Sangfor Security Solutions

บริษัทชั้นนำด้านการรักษาความปลอดภัย Sangfor มุ่งเน้นไปที่ความเชี่ยวชาญในการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ป้องกันลูกค้าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยใช้ฟังก์ชันการจัดการความปลอดภัยที่ครอบคลุมเฉพาะของ NGAF

กรอบงานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ XDDR ของ Sangfor ผสานรวม Sangfor NGAFEndpoint SecureNeural-X และ Cyber Command เพื่อส่งมอบการป้องกันที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ และการจัดการควบคุมวงปิดตามความต้องการ

Sangfor NGAF เป็น NGFW (Next Generation Firewall) + WAF (Web Application Firewall) ที่เปิดใช้งาน AI ตัวแรกของโลก และมีการป้องกันแบบครบวงจร เป็นโซลูชันไฟร์วอลล์ที่ปลอดภัยและเรียบง่ายอย่างแท้จริง โดยให้ภาพรวมแบบองค์รวมของเครือข่ายการรักษาความปลอดภัยขององค์กรพร้อมความสะดวกในการจัดการสำหรับการดูแล การดำเนินการ และการบำรุงรักษา

Sangfor NGAF เป็นโซลูชัน Enterprise Firewall Protection แบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้ใช้จากภัยคุกคามภายใน ภายนอก และภัยคุกคามในอนาคตโดยการอัปเดตเป็นประจำเพื่อช่วยให้เครือข่ายของคุณปลอดภัย

ทำไมต้อง Sangfor Technologies?

คลิกที่นี่ เพื่อดาวน์โหลดรายงานเต็มจาก CyberRatings.org หรือไปที่หน้าโซลูชันการรักษาความปลอดภัยของ Sangfor เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่า Sangfor NGAF สามารถป้องกันธุรกิจของคุณในอนาคตได้อย่างไร และเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งต่อไป

Sangfor Technologies เป็นผู้จำหน่ายโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานไอทีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเครือข่าย และการประมวลผลแบบคลาวด์ เยี่ยมชมเราได้ที่ www.sangfor.com  เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันการรักษาความปลอดภัยของ Sangfor และทำให้ไอทีของคุณง่าย ปลอดภัย และมีคุณค่ามากขึ้น

รับชมเวอรชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210223006227/en/

ติดต่อ:

Sunny Sun
marketing@sangfor.com
+8675586560605

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวโมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการย่อขนาดของอุปกรณ์อุตสาหกรรม

Logo

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“โตชิบา”) ได้เปิดตัว “MG800FXF2YMS3” โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ที่รวมชิป SiC MOSFET แบบสองช่องที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีค่า 3300V และ 800A สำหรับงานอุตสาหกรรม  ปริมาณการผลิตจะเริ่มต้นพฤษภาคม 2021

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

Toshiba: MG800FXF2YMS3, a silicon carbide (SiC) MOSFET module for industrial applications including railways vehicle and renewable energy power generation systems. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: MG800FXF2YMS3 โมดูล MOSFET ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม รวมถึงยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (กราฟฟิค: บิสิเนสไวร์)

เพื่อให้ได้อุณหภูมิของช่องที่ 175°C ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ใช้แพ็คเกจ iXPLV (Intelligent fleXible Package Low Voltage) พร้อมด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมภายในด้วยการหลอมด้วยเงินเพื่อสนับสนุนการติดตั้งอย่างกว้างขวาง  โมดูลใหม่นี้ตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับงานอุตสาหกรรม เช่นตัวแปลงและอินเวอร์เตอร์สำหรับยานพาหนะทางรถไฟและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

การใช้งาน

  • อินเวอร์เตอร์และตัวแปลงสำหรับยานพาหนะรถไฟ
  • ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน
  • อุปกรณ์ควบคุมมอเตอร์อุตสาหกรรม

คุณสมบัติ

  • พิกัดแรงดันไฟฟ้าจากแหล่งระบาย: VDSS=3300V
  • กระแสระบาย: ID= 800Aคู่
  • ช่วงอุณหภูมิ: Tch=175°C
  • การสูญเสียต่ำ:
    Eon=250mJ (typ.)
    Eoff=240mJ (typ.)
    VDS(on)sense=1.6V (typ.)
  • Stray inductance ต่ำ: Ls= 12nH (typ.)
  • แพคเกจพลังงานสูง iXPLV ขนาดเล็ก

ข้อมูลจำเพาะหลัก

( ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น @Tc=25°C)

หมายเลขชิ้น

MG800FXF2YMS3

แพคเกจ

iXPLV

ค่าสูงสุด

แรงดัน Drain-source VDSS (V)

3300

แรงดัน Gate-source VGSS (V)

+25/-10

กระแสระบาย (DC) ID (A)

800

กระแสร (pulsed) IDP (A)

1600

อุณหภูมิช่อง Tch (°C)

175

แรงดันแยกตัว VISOL (Vrms)

6000

คุณลักษณะไฟฟ้า

กระแส Drain-source แบบ on-voltage (sense)

VDS(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

ID=800A

1.6

กระแส Source-drain แบบ on-voltage (sense)

VSD(on)sense typ. (V)

@VGS= +20V,

IS=800A

1.5

กระแส Source-drain แบบ off-voltage (sense)

VSD(off)sense typ. (V)

@VGS= -6V,

IS=800A

2.3

โมดูล Stray inductance LSPN typ. (nH)

12

การสูญเสียเมื่อเปิดเครื่อง Eon typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

250

การสูญเสียเมื่อปิดเครื่อง Eoff typ. (mJ)

@VDD=1800V,

ID=800A,

Tch=150°C

240

ตามลิงค์ด้านล่างสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

MG800FXF2YMS3 https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=MG800FXF2YMS3

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พลังงาน SiC ของ Toshiba

SiC Power Devices https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/sic-power-devices.html

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า
Small Signal Device Sales & Marketing Dept. (ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก)
โทร: + 81-3-3457-3411
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความกระตือรือร้นของบริษัทใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่ยาวนาน  ตั้งแต่ได้แยกจาก Toshiba Corporation ในเดือนกรกฎาคมปี 2560 เราได้เข้าเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ทั่วไปและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจในเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเราและให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต่อยอดจากยอดขายรายปีที่ในขณะนี้สูงกว่า 750 พันล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และเพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006218/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
Digital Marketing Department  (แผนกการตลาดดิจิทัล) Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: + 81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ReNew Power บริษัทพลังงานทดแทนชั้นนำในอินเดียเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนผ่านการรวมธุรกิจกับ RMG Acquisition Corporation II ด้วยมูลค่าทางธุรกรรม 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Logo

  • ReNew Power บริษัทพลังงานทดแทนชั้นนำของอินเดียได้เข้าสู่ข้อตกลงการรวมธุรกิจอย่างสมบูรณ์กับ RMG Acquisition Corporation II (“RMG II”) หลังจากปิดดีลซื้อขายแล้ว องค์กรที่รวมขึ้นมาใหม่นี้จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ภายใต้ชื่อ “RNW”
  • มูลค่าสิทธิของกิจการทั้งหมดจะอยู่ประมาณ 8 พันล้านดอลล่าร์ การซื้อขายคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ภายใต้เงื่อนไขการปิดบัญชีตามปกติ
  • รายได้ที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมดจะอยู่ที่ 12,000 ล้าน ซึ่งประกอบไปด้วย 855 ล้านจากการเสนอขายหุ้นสามัญที่เพิ่มขึ้นของ ReNew Power (the “PIPE”) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด และเงินสดรวม 345 ล้านดอลลาร์ภายใต้การดูแลของ RMG II ซึ่งจะมีการไถ่ถอน คาดว่าจะมีรายได้หลักสุทธิประมาณ 610 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเงินทุนรองรับกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัท และชำระหนี้
  • มูลค่าหุ้น PIPE ที่เพิ่มขึ้นถูกถือโดยนักลงทุนสถาบันใหญ่ ๆ รวมถึงกองทุนและบัญชีที่บริหารโดย BlackRock, BNP Paribas Energy Transition Fund, Mr. Chamath Palihapitiya, Sylebra Capital, TT International Asset Management Ltd, TT Environmental Solutions Fund และ Zimmer Partners
  • รูปแบบธุรกิจที่บูรณาการในแนวตั้งของ ReNew Power และกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ ซึ่งได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ทำให้บริษัทได้รับผลกำไรสูงสุดในภาคธุรกิจนี้ทั้งในอินเดียและทั่วโลก และด้วยพลังงานทดแทนที่มีราคาถูกกว่าพลังงานจากฟอสซิลค่อนข้างมาก จึงมีการคาดการณ์ว่าการพัฒนาพลังงานทดแทนจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า
  • การบริหารงานของ RMG II มีประสบการณ์อันโดดเด่นในภาคธุรกิจพลังงานระดับนานาชาติ

นิวเดลี และ นิวยอร์ก — (BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2564

ReNew Power Private Limited (“ReNew” หรือ “the Company”) ผู้ผลิตพลังงานทดแทนบริสุทธิ์ชั้นนำของอินเดีย และ RMG Acquisition Corporation II (“RMG II”) (NASDAQ: RMGB) วันนี้ประกาศการบรรลุข้อตกลงซื้อขายธุรกิจทำให้ ReNew กลายเป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005431/en/

หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้น บริษัทใหม่จะมีชื่อว่า ReNew Energy Global PLC และจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนภายใต้ชื่อ RNW การรวมธุรกิจจะช่วยรักษาตำแหน่งผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในตลาดอินเดียให้แก่บริษัท ReNew โดยการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างการเติบโตระยะกลาง รวมทั้งทำการชำระหนี้

ReNew Power – บริษัทพลังงานทดแทนบริสุทธิ์ชั้นนำของอินเดีย

ReNew เป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระ (IPP) ชั้นนำของอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 และเป็นหนึ่งใน 15 ผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก พิจารณาจากปริมาณการผลิต โดยมีผลงานโครงการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการสาธารณูปโภคมากกว่า 100 โครงการทั่วทั้ง 9 รัฐในอินเดีย บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อแจกจ่ายให้แก่ลูกค้าเชิงพานิชย์และอุตสาหกรรมมากกว่า 150 แห่งในอินเดีย

ReNew เป็นบริษัทพลังงานทดแทนรายแรกของอินเดียที่มีความสามารถในการผลิตมากกว่า 1 กิกะวัตต์ (GW) และ 2 กิกะวัตต์ (GW) และปัจจุบันเป็นบริษัทเดียวในกลุ่มพลังงานทดแทนของอินเดียที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 5 กิกะวัตต์ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 10 กิกะวัตต์ (รวมถึงความสามารถในการเสนอราคาแข่งขันแล้ว)

การเติบโตของ ReNew ได้รับการช่วยเหลือจากเงินสดที่มั่นคงและปลอดภัยผ่านสัญญาระยะยาวกับคู่สัญญาที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันการผลิตพลังงานเพื่อสาธารณูปโภคทั้งหมดของ ReNew ทำสัญญาภายใต้ข้อตกลงการซื้อขายพลังงาน (PPA) ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 24 ปี สัญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่ทำกับหน่วยงานรัฐบาลกลา งเช่น Solar Energy Corporation of India (SECI) และ NTPC Limited ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ReNew ได้สร้างเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มั่นคงมากมาย ทำให้สามารถใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดกับผลงานโครงการต่าง ๆ ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

นอกเหนือจากการผลิตพลังงานสะอาดแล้ว ReNew ยังได้พัฒนาความเชี่ยวชาญเพิ่มเติม เช่น การกักเก็บพลังงาน ในปี 2020, ReNew ได้รับรางวัลการประมูลที่โดดเด่น 2 ครั้งจาก SECI เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการจัดหาพลังงานสีเขียวที่มั่นคง น่าเชื่อถือ และราคาไม่แพง รางวัลประกอบด้วยการประมูลครั้งแรกของอินเดียจากแหล่งจ่ายพลังงาน 24 ชั่วโมงด้วยพลังงานหมุนเวียน และการประมูลสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่มากขึ้น โดยการรวมการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เข้าด้วยกัน และผสมผสานเข้ากับแบตเตอรี่

ระหว่างปี 2020, ReNew ได้เข้าสู่ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลที่กำลังเติบโตด้วยการซื้อกิจการบริษัท Climate Connect ซึ่งเป็นบริษัทในเมือง ปูเน (Pune) รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย และเป็นผู้เล่นชั้นนำด้านการจัดการกริดโดยใช้เทคโนโลยี AI และการพยากรณ์ความต้องการพลังงาน

ภาพรวมการตลาด – ความต้องการพลังงานทดแทนในอินเดียยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โมเดลธุรกิจของ ReNew ได้รับการสนับสนุนจากเทรนด์ใหม่ ๆ ในตลาดพลังงานของอินเดีย รวมถึงเป้าหมายด้านพลังงานสีเขียวของรัฐบาลอินเดียไปจนถึงทศวรรษหน้า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อหัวของอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษหน้า ซึ่งประมาณ 2 ใน 3 ของความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้จะได้รับการดูแลจากพลังงานทดแทน คำมั่นสัญญาด้านสภาพอากาศทั่วโลกของอินเดียที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการผลิตพลังงาน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล และให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน ในขณะเดียวกันรัฐบาลอินเดียตั้งเป้าการผลิตพลังงานทดแทนปริมาณ 450 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตลาดที่มีศักยภาพสูง ส่วนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแข่งขันประมูลช่วยลดต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่องและจะช่วยเร่งการนำพลังงานทดแทนไปใช้

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในอินเดียได้ก้าวไปอีกขั้น ความหลากหลายของวิทยาการทางเทคโนโลยีและภูมิศาสตร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินโครงการอและจัดการเงินอย่างมีวินัยจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาเส้นทางการเติบโตได้

ความเห็นจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้น

Sumant Sinha ผู้ก่อตั้ง ผู้อำนายการ และซีอีโอของ ReNew กล่าวว่า “ภาคพลังงานทดแทนของอินเดียมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างนี้ ReNew ได้เร่งสร้างความมั่นใจว่าแหล่งพลังงานจะมีความยั่งยืน และมีความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจได้ ในทศวรรษหน้า ReNew วางแผนรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตขึ้น และสร้างพลังงานสีเขียวในภาคธุรกิจพลังงานในอินเดีย รวมถึงเร่งบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนของรัฐบาล เมื่อเวลาผ่านไป เราจะยังขยายความสามารถไปเรื่อย ๆ พร้อมสำรองพลังงานเพื่อใช้สำหรับสาธารณูปโภค และโซลูชั่นส์พลังงานอันชาญฉลาดที่เน้นให้ลูกค้าได้ประโยชน์ วิสัยทัศน์ของ ReNew คือการขยับเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดระดับโลก เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาดในอินเดีย และช่วยสร้างพลังงานไฟฟ้าและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในแวดล้อมเศรษฐกิจอินเดีย”

Bob Mancini ซีอีโอและผู้อำนวยการแห่ง RMG II กล่าวว่า “หลังจากปิดการเสนอขายหุ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม เราต้องการเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกผ่านผลงานที่พิสูจน์ให้เห็น และการจัดการที่ดีที่สุด เมื่อรู้ว่าบริษัทอยู่กับ ReNew เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมธุรกิจกับทีมผู้บริหารมากความสามารถซึ่งนำโดยคุณ Sumant การร่วมมือกับ ReNew ยืนยันได้ว่าบริษัทไม่เพียงแต่เป็นผู้นำเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทพลังงานทดแทนชั้นเลิศในอินเดีย ความมุ่งมั่นต่อการเติบโตผ่านการเป็นพันธมิตรระยะยาวกับหน่วยงานรัฐบาลกลางและหน่วยงานรัฐของอินเดีย ตำแหน่ง นวัตกรรมเทคโนโลยี และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยให้ ReNew สามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์เชิงบวกในตลาดพลังงานของอินเดียในทศวรรษหน้าและต่อ ๆ ไป เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสุดพิเศษนี้”

Michael Bruun กรรมการผู้จัดการ แผนกจัดการทรัพย์สินแห่ง Goldman Sachs กล่าวว่า “ตั้งแต่การร่วมมือกับพันธมิตรก่อตั้งอย่างคุณ Sumant Sinha, ReNew Power ได้แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนทีมผู้บริหารมากฝีมือและผู้นำทางการตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจพลังงานทดแทน เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนักลงทุนชื่อดังระดับโลกหลายท่านที่ได้ร่วมธุรกิจกับเราหลายปี ด้วยการเดินทางนี้ เราจึงมีความยินดีที่นักลงทุนจำนวนมากเพิ่มขึ้นได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางสำคัญของ ESG นี้”

ภาพรวมการซื้อขาย

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหลังจากซื้อขายจะอยู่ประมาณ 4.4 พันล้านดอลล่าร์ ที่ราคาซื้อขายหุ้น PIPE 10 ดอลล่าร์ต่อหุ้น โดยสันนิษฐานว่าผู้ถือหุ้นจาก RMG II ไม่ใช้สิทธิ์ไถ่ถอน รายได้รวมของเงินสดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกอบด้วย 855 ล้านดอลลาร์จาก PIPE และเงินสดประมาณ 345 ล้านดอลลาร์ซึ่งอยู่ในความดูแลของ RMG II ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนใด ๆ เนื่องจากอาจมีการไถ่ถอนจากผู้ถือหุ้น RMG II

รายได้จะนำไปใช้ในการสนับสนุนกลยุทธ์สร้างการเติบโตของ ReNew รวมถึงการสร้างกำลังการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในระบบสาธารณูปโภคตามสัญญา และการลดภาระหนี้ ทีมผู้บริหารจาก ReNew และสมาชิกผู้ถือหุ้นปัจจุบัน รวมถึง Goldman Sachs, the Canada Pension Plan Investment Board (CPP Investments), Abu Dhabi Investment Authority และ JERA Co., Inc. (JERA) และอื่น ๆ ที่เป็นเจ้าของ ReNew ร่วมกัน 100% จะทำการโยกกรรมสิทธิ์ส่วนใหญ่ไปยังบริษัทใหม่ และคาดว่าจะมีสิทธิ์ครอบครองบริษัททันที 70% หลังเสร็จสิ้นการซื้อขาย

การเป็นบริษัทชั้นนำของ ReNew จะยังคงอยู่พร้อมกับคุณ Sumant Sinha ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอของบริษัท ที่จะบริหารการเติบโตเชิงกลยุทธ์และการขยายบริษัท

คณะกรรมการบริหารของบริษัทใหม่นี้จะประกอบด้วยผู้ถือหุ้นเดิมจาก ReNew, RMG II และผู้อำนวยการอิสระ Bob Mancini จะเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก RMG II ไปยังบอร์ด ส่วนการแต่งตั้งบอร์ดคนอื่น ๆ จะดำเนินการก่อนปิดการขาย

การซื้อขายได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารของ ReNew และ RMG II การซื้อขายจะเสร็จสิ้นด้วยการปิดบัญชีตามปกติ รวมทั้งการอนุมัติจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าแห่งอินเดีย และผู้ถือหุ้นจาก RMG II การซื้อขายคาดว่าจะปิดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564

คณะที่ปรึกษา

Goldman Sachs (India) Securities Private Limited และ Morgan Stanley India Company Private Limited (“Morgan Stanley”) ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแก่ ReNew ในเรื่องการรวมธุรกิจ Morgan Stanley & Co. LLC เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหุ้น PIPE ร่วมกับ RMG II ส่วน Latham & Watkins LLP, Nishith Desai & Associates และ Cyril Amarchand Mangladas รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับ ReNew

บริษัทหลักทรัพย์ BofA รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินพิเศษแก่ RMG II และยังทำหน้าที่เป็นผู้แทนจัดจำหน่ายหลัก PIPE ด้าน Skadden, Arps, Slate, Meagher & Flom LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแก่ RMG II และ Khaitan & Co LLP เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายแก่ RMG II ในประเด็นกฎหมายของอินเดีย

Ropes & Gray LLP เป็นที่ปรึกษาแก่ผู้แทนจำหน่ายหุ้น PIPE

ข้อมูลการประชุมทางไกลของนักลงทุน

ReNew และ RMG II จะจัดการประชุมทางไกลกับนักลงทุนเพื่อหารือเกี่ยวกับการซื้อขายในวันนี้ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 08.30 น. EST

หากต้องการฟังข้อสรุปทางโทรศัพท์ โทร 1-877-407-9039 (สหรัฐฯ) หรือ 1-201-689-8470 (ระหว่างประเทศ) แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือ การฟังซ้ำทางโทรศัพท์จะมีให้บริการที่หมายเลข 1-844-512-2921 (สหรัฐฯ) หรือ 1-412-317-6671 (ระหว่างประเทศ) รหัสผ่าน: 13716796, ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2564 เวลา 23.59 น. EST

เกี่ยวกับ ReNew Power Private Limited

ReNew Power Private Limited เป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระ (IPP) ชั้นนำของอินเดีย และเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระที่ใหญ่อันดับ 12 ของโลกในเชิงความสามารถการผลิต ReNew พัฒนา สร้างรรค์ เป็นเจ้าของ และดำเนินโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการบริโภค รวมถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตให้กับลูกค้าเชิงพานิชย์และอุตสาหกรรม ณ เดือนธันวาคม ปี 2563, ReNew มีกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วอินเดีย รวมถึงโครงการที่ได้รับมอบหมายรวมเกือบ 10 กิกะวัตต์ บริษัท ReNew มีประวัติการเติบโตที่แข็งแกร่งในด้านอินทรีย์และอนินทรีย์ กลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ ReNew ประกอบด้วยนักลงทุนหลายราย ได้แก่ Goldman Sachs, CPP Investments, Abu Dhabi Investment Authority, GEF SACEF และ JERA www.renewpower.in

เกี่ยวกับ RMG Acquisition Corporation II

RMG Acquisition Corporation II (NASDAQ: RMGB) คือบริษัทเช็คเปล่าที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการควบรวมกิจการ การควบรวมบริษัท การแลกเปลี่ยนหุ้น การซื้อสินทรัพย์ การซื้อหุ้น การปรับโครงสร้างองค์กร หรือธุรกิจอื่นที่คล้ายคลึงกัน RMG II ระดมทุนได้ 345 ล้านดอลลาร์ในการเสนอขายหุ้น IPO ในวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความต้องการจำนวนมาก รวมถึงเสนอตัวเลือกการจัดสรรหุ้นส่วนเกินของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ RMG II ได้รับการสนับสนุนและบริหารโดยทีมผู้บริหารจาก Jim Carpenter, Bob Mancini และ Phil Kassin ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมกันกว่า 100 ปีในธุรกิจการลงทุน การดำเนินงาน การซื้อขาย และการเป็น CEO และผู้นำในบอร์ดบริหารของบริษัทมหาชน RMG II จะใช้ความสามารถของทีมผู้บริหารในการชี้เป้า ซื้อกิจการ และดำเนินธุรกิจในหลากหลายภาคส่วนที่สร้างโอกาสผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาว www.rmgacquisition.com/

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการรวมธุรกิจและสถานที่ตั้ง

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจนี้ RMG II ตั้งใจที่จะยื่นคำแถลง/หนังสือชี้ชวนมอบฉันทะขั้นตอนเบื้องต้นและสุดท้ายต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ ก.ล.ต. ”) คำแถลง/หนังสือชี้ชวนของผู้รับมอบฉันทะเบื้องต้นและสุดท้าย และเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะถูกส่งหรือมอบให้กับผู้ถือหุ้นของ RMG II ณ วันบันทึกที่กำหนดไว้เพื่อลงคะแนนเสียงในการรวมธุรกิจ และจะมีข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการรวมธุรกิจและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ผู้ถือหุ้นของ RMG II และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ได้รับคำแนะนำให้อ่านหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนเบื้องต้น และการแก้ไขใด ๆ แล้วคำชี้แจงการมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่เกี่ยวข้องกับการเชิญผู้รับมอบฉันทะของ RMG II สำหรับการประชุมของผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นเพื่ออนุมัติการรวมธุรกิจเนื่องจากคำสั่งมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนจะมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ RMG II, ReNew และการรวมธุรกิจ ข้อความมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนฉบับสุดท้ายจะถูกส่งไปยังผู้ถือหุ้นของ RMG II ณ วันที่บันทึกไว้เพื่อลงคะแนนเสียงในการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นยังสามารถขอรับสำเนาหนังสือมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.gov/ หรือส่งคำขอไปที่: RMG Acquisition Corporation II, 50 West Street, Suite 40C , New York, NY 10006, เรียนเลขานุการ, โทรศัพท์: (212) 785-2579 ข้อมูลที่มีอยู่ หรือข้อมูลที่อาจเข้าถึงได้ เว็บไซต์ที่กล่าวถึงในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ไม่ได้รวมไว้ในอ้างอิง และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้

ผู้มีส่วนร่วมในการชักชวน

RMG II, ReNew และผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารตามอาจถือว่ามีส่วนร่วมในการชักชวนผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้นของ RMG II ที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจ ผู้ถือหุ้นของ RMG II และผู้ที่สนใจอื่น ๆ สามารถขอรับข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ของ RMG II ได้ในหนังสือชี้ชวนฉบับสุดท้ายของ RMG II ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสนอขายครั้งแรกของ RMG II (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล ภาจใต้กฎของ ก.ล.ต. ที่อาจถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเชิญชวนมอบฉันทะให้กับผู้ถือหุ้นของ RMG II ที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจจะระบุไว้ในคำชี้แจงตัวแทน/หนังสือชี้ชวนสำหรับการรวมธุรกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประโยชน์ของผู้เข้าร่วมในการชักชวนผู้รับมอบฉันทะที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจจะรวมอยู่ในคำสั่งมอบฉันทะ/หนังสือชี้ชวนที่ RMG II ตั้งใจจะยื่นต่อ ก.ล.ต.

แถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความบางอย่างที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ของบทบัญญัติการคุ้มครองความปลอดภัยภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลของสหรัฐอเมริกาปี 1995 โดยทั่วไปข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะมาพร้อมกับคำต่าง ๆ เช่น “เชื่อว่า” “อาจ” “จะ” “ประมาณ” “ต่อไป” “คาดการณ์” “ตั้งใจ” “คาดหวัง” “ควร” “จะ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ดูเหมือน” “แสวงหา” “อนาคต” “แนวโน้ม” และคำที่คล้ายคลึงกันซึ่งคาดการณ์หรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต หรือที่ไม่ใช่ข้อความของเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ข้อความทั้งหมด นอกเหนือจากข้อเท็จจริงปัจจุบันหรืออดีต ที่รวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เกี่ยวกับการรวมธุรกิจของ RMG II กับ ReNew ความสามารถของ RMG II ในการซื้อขาย ประโยชน์จากการซื้อขาย และรายได้การดำเนินงานในอนาคตของบริษัท รวมทั้งกลยุทธ์ในอนาคตของบริษัท การดำเนินงานในอนาคต คาดการณ์ตำแหน่งทางการเงิน คาดการณ์รายได้และขาดทุน งบประมาณที่วางแผน อนาคต แผนการ และเป้าหมายของผู้บริหารคือการคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความเหล่านี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะระบุไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้หรือไม่ และตามความคาดหวังในปัจจุบันของผู้บริหารของ RMG II และ ReNew และไม่ใช่การคาดการณ์ประสิทธิภาพที่แท้จริง ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้จัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการอธิบายเท่านั้น และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็น และต้องไม่ใช้เป็น คำรับรองการรับรองการคาดคะเนหรือคำชี้แจงที่ชัดเจนของข้อเท็จจริงหรือความน่าจะเป็นเหตุการณ์และสถานการณ์จริงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก และจะแตกต่างจากสมมติฐาน เหตุการณ์และสถานการณ์จริงหลายอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุมของ RMG II หรือ ReNew ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงต่างจากที่แสดงหรือบอกเป็นนัยยะจากแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า รวมถึงแต่ไม่จำกัด การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ สถานการณ์ทางการเงิน การเมือง การตลาด และกฎหมาย การไร้ความสามารถของคู่สัญญาในการรวมธุรกิจได้สำเร็จหรือทันเวลา รวมถึงความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบใด ๆ เกิดความล่าช้า หรืออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจส่งผลเสียต่อบริษัท หรือผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการรวมธุรกิจ หรือการไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของ RMG II หรือ ReNew ความล้มเหลวในการตระหนักถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการรวมธุรกิจ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอนของข้อมูลทางการเงินของ ReNew; จำนวนคำขอไถ่ถอนโดยผู้ถือหุ้นของ RMG II ระดับความต้องการโดยรวมของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ของ ReNew สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปและปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อความเชื่อมั่น ความชอบและพฤติกรรมของผู้บริโภค การหยุดชะงักและความผันผวนในตลาดสกุลเงิน เงินทุน และสินเชื่อทั่วโลก ความแข็งแกร่งทางการเงินของลูกค้าของ ReNew; ความสามารถของ ReNew ในการใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของรัฐบาล ReNew มีการเรียกร้องการฟ้องร้องดำเนินคดีและการสูญเสียอื่น ๆ การหยุดชะงักและผลกระทบอื่น ๆ ต่อธุรกิจของ ReNew อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการดำเนินการของรัฐบาลและมาตรการที่เข้มงวดเพื่อตอบสนองความมั่นคงของซัพพลายเออร์ของ ReNew ตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ในแง่ของการระบาดของโรคและความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การระบาดของ COVID-19 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกต่อ ReNew และซัพพลายเออร์และลูกค้า ความสามารถของ ReNew ในการปกป้องสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าและสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอื่น ๆ การละเมิดหรือการขัดจังหวะในระบบข้อมูลของ RMG II ความผันผวนของราคา ความพร้อมใช้งาน และคุณภาพของไฟฟ้าและวัตถุดิบอื่น ๆ และผลิตภัณฑ์ที่ทำสัญญาตลอดจนความผันผวนของเงินตราต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษีและหนี้สินภาษี ความเสี่ยงทางกฎหมายข้อบังคับการเมืองและเศรษฐกิจ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อผลงานทางรายได้ของ RMG II หรือ ReNew ในรายงานสาธารณะของ RMG II ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. รวมถึงรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K รายงานประจำไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q และปัจจุบัน รายงานสถานการณ์ปัจจุบันในแบบฟอร์ม 8-K ตลอดจนคำแถลง/หนังสือชี้ชวนของผู้รับมอบฉันทะเบื้องต้นและสุดท้ายที่ RMG II ตั้งใจจะยื่นต่อ ก.ล.ต. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนของผู้รับมอบฉันทะของ RMG II เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ เหนือสิ่งอื่นใด การรวมธุรกิจหากความเสี่ยงเหล่านี้เกิดขึ้นจริง หรือสมมติฐานของ RMG II หรือ ReNew ไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างจากผลลัพธ์ที่แสดงโดยนัยของข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ อาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมที่ทั้ง RMG II และ ReNew ไม่ทราบในปัจจุบันหรือว่า RMG II และ ReNew ในปัจจุบันเชื่อว่าไม่มีสาระสำคัญซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากที่มีอยู่ในแถลงการณ์คาดการณ์ล่วงหน้า นอกจากนี้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ายังสะท้อนถึงความคาดหวังแผนหรือการคาดการณ์ของ RMG II และ ReNew ของเหตุการณ์ในอนาคตและมุมมอง ณ วันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ RMG II และ ReNew คาดการณ์ว่าเหตุการณ์และการพัฒนาที่ตามมาจะทำให้การประเมินเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม RMG II และ ReNew อาจเลือกที่จะอัปเดตข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคต RMG II และ ReNew จะปฏิเสธข้อผูกมัดใด ๆ ในการดำเนินการดังกล่าวโดยเฉพาะ ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ในการประเมินของ RMG II หรือ ReNew ณ วันใดก็ตามหลังจากวันที่ของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ดังนั้น ไม่ควรใช้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ไม่เหมาะสม

ไม่มีข้อเสนอหรือการชักชวน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์ใด ๆ ตามธุรกรรม หรืออื่น ๆ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์ในเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่ข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการจดทะเบียนหรือตรวจคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของเขตอำนาจศาลดังกล่าว จะไม่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ใด ๆ เว้นแต่ใช้หนังสือชี้ชวนที่เป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ปี 2476 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการโฆษณา การเชิญชวน การเสนอขาย หรือการชักชวนให้สมัครสมาชิกหรือซื้อหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือสาธารณะในอินเดีย หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรูปแบบพื้นฐาน หรือถูกใช้ในสัญญา คำมั่น หรือการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นในอินเดีย

จะไม่มีการเสนอขายหรือขายหลักทรัพย์ และยังไม่เคยเสนอขายหรือขายในอินเดีย โดยวิธีการเกี่ยวกับเอกสารเสนอขายหรือเอกสารหรือวัสดุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หรือต่อบุคคลใด ๆ หรือต่อสาธารณะในอินเดีย การสื่อสารหรือบันทึกข้อตกลงการเสนอขายหรือหนังสือชี้ชวนใด ๆ (หรือเอกสารการเปิดเผยข้อมูลที่เทียบเท่า) ที่จัดทำขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์ ไม่ใช่เอกสารคำเสนอซื้อหรือหนังสือเวียนการเสนอขาย หรือ “จดหมายสมัครบุคคลในวงจำกัดพร้อมจดหมายสมัครงาน” หรือ “หนังสือชี้ชวน” ภายใต้พระราชบัญญัติ บริษัท 2556 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดีย (ฉบับที่เกี่ยวกับทุนและข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูล) ปี 2561 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในอินเดีย ประกาศนี้ยังไม่ได้รับและจะไม่ได้รับการจดทะเบียนเป็น “หนังสือชี้ชวน” รือคำแถลงแทนหนังสือชี้ชวนในส่วนที่เกี่ยวกับข้อเสนอสาธารณะบันทึกข้อมูลหรือ “จดหมายสมัครบุคคลในวงจำกัด พร้อมใบสมัคร” หรือเอกสารเสนอขายอื่นใดกับนายทะเบียน บริษัท ใด ๆ ในอินเดียหรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียหรือหน่วยงานตามกฎหมายหรือข้อบังคับอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันในอินเดียบันทึกและยกเว้นข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ซึ่งจำเป็นต้องเปิดเผยหรือยื่นในอินเดียภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้และ จะไม่มีการเผยแพร่หรือแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวให้กับบุคคลใดในอินเดีย

ดูต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005431/en/

ReNew Power Private Limited

สำหรับนักลงทุน:

IR@renewpower.in

Caldwell Bailey, ICR Inc.

สำหรับสื่อ:

PR@renewpower.in

Cory Ziskind, ICR, Inc.

RMG Acquisition Corporation II

สำหรับสื่อและนักลงทุน:

Philip Kassin

ประธานและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ

pkassin@rmginvestments.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NVMe™ SSD ล่าสุดจาก Kioxia พร้อมใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ Supermicro PCIe® 4.0 และแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล

Logo

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSD ผ่านการรับรองว่าสามารถเร่งประสิทธิภาพการทำงานของแอพพลิเคชันบน Supermicro Systems รุ่นใหม่ได้

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–25 ก.พ. 2564

การเปลี่ยนไปใช้ PCIe® 4.0 ได้ดำเนินอย่างเต็มที่และ Kioxia Corporation ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ  ได้ประกาศว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ KIOXIA CM6 และ โซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) CD6 Series PCIe® 4.0 NVM Express™ (NVMe) สำหรับองค์กรและศูนย์ข้อมูล ได้รับการรับรองว่าสามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม Super Micro Computer, Inc. (Supermicro) ที่ใช้ PCIe® 4.0 รวมถึงระบบแร็คเมาท์ที่พร้อมใช้งานสำหรับองค์กรซึ่งประกอบด้วย Ultra, WIO, BigTwin, FatTwin, SuperBlade, 1U/2U NVMe™ all flash arrays, ระบบเร่ง GPU และ SuperWorkstations

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe™ SSDs (Photo: Business Wire)

KIOXIA CM6, CD6 Series PCIe® 4.0 NVMe ™ SSD (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

ผู้ใช้กำลังเปลี่ยนไปใช้งาน NVMe™ SSD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพขององค์กร สถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลบนคลาวด์ และแอพพลิเคชันที่เน้นประสิทธิภาพและการใช้งานแบบ latency-sensitive  ที่ศูนย์กลางของเทรนด์นี้คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับหน่วยเก็บข้อมูลที่ใช้ NVMe™โดยที่ PCIe® 4.0 เป็นการอัพเกรดประสิทธิภาพล่าสุดและ SSD CM6 และ CD6 Series ของ Kioxia กำลังมอบความสามารถที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้

ในขณะที่ NVMe™ SSD กำลังเจาะแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น ความสามารถในการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งที่สำคัญ  ความมุ่งมั่นของ Kioxia ในการนำนวัตกรรมมาสู่ลูกค้ารวมถึงการสร้างความมั่นใจว่าการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจะทำงานได้ตามที่คาดหวังและ Kioxia ได้ร่วมมือกับซัพพลายเออร์เช่น Supermicro เพื่อให้ได้มาซึ่งการทำงานที่เหมาะสมและเต็มประสิทธิภาพ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง:

* KIOXIA CM6 Enterprise SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd.html#cm6

* KIOXIA CD6 Data Center SSD: https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/data-center-ssd.html#cd

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe และ NVM Express เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* Supermicro, BigTwin, FatTwin และ SuperBlade เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Super Micro Computer, Inc. หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษั นั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ โดยทุ่มเทให้กับการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD)  ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและมีคุณค่าต่อสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia คือ BiCS FLASH™ โดยกำลังกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูลในแอพพลิเคชั่นความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division (ฝ่ายส่งเสริมการขาย)
โทร: + 81-3-6478-2427

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการ และข้อมูลการติดต่อถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224006220/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน:

Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายกลยุทธ์การขาย)
Koji Takahata
โทร: + 81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้ง Glamhive และ Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังประกาศเรื่องการประชุมสุดยอด Digital Winter Style and Beauty Summit

Logo

การประชุมจะเป็นการรวมตัวกันของผู้นำในอุตสาหกรรมสไตล์และความงาม เพื่อพูดคุยเรื่องแฟชั่น ความงาม และการเป็นผู้ประกอบการ

ซีแอตเติล และ ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–24 ก.พ. 2564

Glamhive ประกาศการประชุมออนไลน์ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 การประชุมสุดยอด Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit (การประชุมสุดยอดสไตล์ฤดูหนาวด้านความงามออนไลน์)  จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำตั้งแต่ Cindy Eckert สไตลิสต์ของ Kristen Bell ที่กลายมาเป็นเป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยเหล่าผู้นำด้านนวัตกรรมจะพูดคุยเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม การเป็นผู้ประกอบการและอื่น ๆ ซึ่ง Stephanie Sprangers และ Nicole Chavez จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

The Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit will bring together top fashion and beauty leaders (Graphic: Mary Kay Inc.)

งานประชุม Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit จะรวบรวมผู้นำแฟชั่นและความงามชั้นนำมาไว้ด้วยกัน (กราฟฟิค: Mary Kay Inc. )

“ฉันชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดด้านสไตล์และความงามของ Glamhive โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ การประชุมสุดยอดจะก่อให้เกิดความรู้สึกของความกลมเกลียวเป็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันยังเป็นสิ่งที่ขาดไปในโลกของนักทำงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ฉันยังได้ทำความรู้จักสร้างคอนเนคชันกับศิลปินคนอื่น ๆ เรื่อยมา” Nicole Chavez สไตลิสต์คนดังกล่าว Nicole เป็นหนึ่งในสไตลิสต์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในปัจจุบัน ลูกค้าของเธอรวมถึงดาราระดับ A-List อาทิเช่น Kristen Bell, Rachel Bilson, Jessica Simpson, Ellie Bamber, Scarlett Johansson, Catherine Zeta-Jones และอื่น ๆ อีกมากมาย ผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสิ่งพิมพ์หลายฉบับรวมถึง W, InStyle และ Harper's Bazaar

“วิสัยทัศน์ของ Glamhive คือการให้สร้างประโยชน์จากการทำงานร่วมกับสไตลิสต์ส่วนตัวที่มีให้กับทุกคนทุกที่ ส่วนงานดิจิทัลต่าง ๆ ของเราก็ถือเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยม สิ่งดี ๆ ที่เกิดจากวิกฤตปีที่ผ่านมาก็คือการที่เราสามารถนำการประชุมสุดยอดด้านสไตล์ของเราไปสู่โลกดิจิทัล ซึ่งจะทำให้ทุกคนในทุก ๆ ที่สามารถพบปะและเรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุดในธุรกิจได้” Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Glamhive กล่าว โดย Sprangers เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Glamhive ซึ่งเป็นบริการจัดแต่งสไตล์ส่วนตัวออนไลน์ที่นำเสนอสไตลิสต์ส่วนตัวและช่างแต่งหน้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับคัดเลือกโดยตรงจากฮอลลีวูดและอินสตาแกรมให้กับทุกคน โดย Glamhive ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งช่วยให้สไตลิสต์สามารถแนะแนวทางให้แก่ลูกค้าผ่านประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมแบบออนไลน์ได้ 100% ทำให้ผู้คนสามารถทำงานกับสไตลิสต์ได้ทุกที่ในโลก

ตั๋วสำหรับกิจกรรมตลอดทั้งวันจะทำให้คนเข้าถึงวิทยากรกว่า 60 ท่าน ด้านล่างนี้แสดงภาพรวมของหัวข้อบางส่วนที่วิทยากรระดับ All-Star นี้จะได้พูดถึง

ภาพรวมของหัวข้อ:

ประกอบด้วยสองแทร็ก และ 22 เซ็กเมนท์ ภาพรวม:

  • สไตล์สำหรับพรมแดง: สร้างช่วงเวลาแบบไอคอน
  • แนวโน้มปี 2021: สไตล์หลังโควิด
  • การเอาชนะเกมสไตล์วินเทจ คือ อาวุธลับของคุณ
  • คู่มือสไตลิสต์: จะสร้างสไตล์ทีดีที่สุดในชีวิตได้อย่างไร
  • Beauty Boss Babe: บทสัมภาษณ์กับ Jamie Kern Lima
  • สุดยอดคำแนะนำสำหรับผม “แบบง่าย ๆ “
  • เข้าสังคมกันเถอะ: เทรนด์ความงาม Instagram และ TikTok ที่ดีที่สุด
  • โหราศาสตร์แห่งแฟชั่น กับ Susan Miller
  • มากกว่าที่ตาเห็น: เสื้อผ้าของคุณบอกอะไรเกี่ยวกับคุณ
  • ROI ของสไตล์: การแต่งตัวให้ดีสร้างความคุ้มค่าแค่ไหน
  • ฉันสร้างสิ่งนี้ได้อย่างไร: ขอคำแนะนำที่ดีจากผู้หญิงที่ก้าวสู่จุดสูงสุด

วิทยากร:

วิทยากร ได้แก่ สไตลิสต์คนดัง ช่างแต่งหน้า ผู้สร้างอิมเมจที่ทำงานกับบุคคลชื่อดังในฮอลลีวูดและอีกมากมาย รวมถึง

Angelina Jolie, Serena Williams, Mandy Moore, Sarah Jessica Parker, Kristen Bell, Khloe Kardashian, Robert Downey Jr., Keanu Reeves, Sharon Stone, Miranda Lambert, Julianne Moore และอีกมากมาย

สไตลิสต์คนดัง:

Nicole Chavez, Jill + Jordan, Jeanne Yang, Jennifer Rade, Tara Swennen, Janelle Miller, Lindsey Dupuis, Tiffany Gifford, Kesha McLoud, และ Sonia Young.

ช่างแต่งหน้า + ช่างทำผมที่มีชื่อเสียง:

Tommy Buckett, Todd Harris, Diana Madison, Danny Moon, AJ Crimson และ Helen Reavey.

ผู้ประกอบ การนักออกแบบ และผู้นำทางธุรกิจ:

Claire Sulmers (Fashion Bomb Daily), Hillary Kerr (WhoWhatWear), Tara Rudes Dann (L'Agence), Steven Dann (Designer), Cindy Eckert (The Pink Ceiling Fund), Helen Ravey (Act+Acre), Cassandra Cadwell (Violet Grey), Michelle Waugh (Designer), Clarissa Egana (Port De Bras), Amy Rosoff Davis (Celebrity Trainer), Jamie Kern Lima (IT Cosmetics).

โมเดอเรเตอร์:

Brian Underwood (O Magazine), Brooke Jaffe (Penske Media), Pandora Amoratis (Daily Mail), Andrea Lavanthal (PEOPLE), Robin Nazzaro (O Magazine), Alexis Bennett (Vogue) and Kibwe Chase-Marshall (The Kelly Initiative).

ตั๋วเข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งวันราคา 149 ดอลลาร์ ผู้สนับสนุนการนำเสนอของ Glamhive Digital Winter Style and Beauty Summit ได้แก่ Mary Kay Inc. และ Mary Kay Global Design Studio

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.glamhive.com/upcoming.

เกี่ยวกับ Glamhive

Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดย Stephanie Sprangers ผู้ประกอบการในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้การตกแต่งเสริมสไตล์เข้าถึงปัจเจกชน และยังมีหลักการว่า ความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรเป็นเฉพาะของคนรวยและคนดังเท่านั้น

ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่สามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อ WiFi ได้พบกับสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนแก่พวกเขาเพื่อสร้างเวอร์ชันที่ดีที่สุดของพวกเขา แพลตฟอร์ม Glamhive เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ไร้รอยต่อสำหรับสไตลิสต์ เพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้บนโลกออนไลน์ 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 57 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210224005275/en/

Stephanie Sprangers, ผู้ก่อตั้ง + ซีอีโอ, Glamhive

stephanie@glamhive.com

+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






OAG และ IATA เสริมสร้างความร่วมมือด้านข้อมูลเพื่อต่อสู้กับความผันผวนของตลาดและการกำหนดการ

Logo

ข้อมูลที่ครอบคลุมจัดทำโดยระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของ OAG เพื่อช่วยขับเคลื่อนเครื่องมือตลาดอัจฉริยะ Airport IS ของ IATA

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–24 กุมภาพันธ์ 2564

OAG ผู้ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ตกลงเป็นพันธมิตรกับ International Air Transport Association (IATA) เพื่อจัดหากำหนดการและข้อมูลอ้างอิงผ่านระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้นำการบินทั้งสอง OAG จะจัดหาเครื่องมือวิเคราะห์ชั้นนำของตลาดให้กับ IATA ซึ่งจะนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของรายการทั้งหมดควบคู่ไปกับ Airport IS และเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ต่อไปในอนาคต

การสร้างขึ้นบนระบบคลาวด์แพลตฟอร์ม Snowflake การจัดหาข้อมูลอ้างอิง และการกำหนดเวลา ช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลตารางเวลาเวอร์ชันที่สมบูรณ์และใหม่ที่สุดที่มีอยู่ในตลาด

 “ผลกระทบอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 ส่งผลต่อความผันผวนของการคมนาคม ทำให้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ของเราด้วยข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด” Charles de Gheldere ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลการบินของ IATA กล่าว “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งของเรากับ OAG ช่วยจัดหาข้อมูลที่ใหม่และถูกต้องให้กับลูกค้าในสนามบิน และระบบแพลตฟอร์มบนคลาวด์ที่มีนวัตกรรมที่สูง ทันสมัยและยืดหยุ่น ข้อเสนอ IATA และ OAG ที่รวมกันช่วยให้สนามบินทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่นำทางในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุดในช่วงหนึ่งในอุตสาหกรรมของเรา”

Phil Callow ประธานบริหารของ OAG กล่าวเสริมว่า “เทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ของเราช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความผันผวนของตลาดที่กำลังดำเนินอยู่ได้ โดยการส่งมอบข้อมูลเวอร์ชันที่เหมาะสมที่สุดสู่มือของลูกค้าโดยตรง ความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของเรากับ IATA และการลงทุนในระบบคลาวด์แพลตฟอร์มใหม่ของเราถือเป็นขั้นตอนล่าสุดในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีที่ดีที่สุด”

การเป็นพันธมิตรแบบระยะหลายปีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2564 และนับเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนากับทั้งสององค์กร

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ในการใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อขับเคลื่อนโลกแห่งการเดินทางคลิกที่นี่

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: www.oag.com และสามารถติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @OAG Aviation

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210224005505/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Caroline Mather, Marketing Director, OAG
Corporate Ink for OAG
pressoffice@oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jellyfish เข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท เร่งการขับเคลื่อนการขยายตัวทั่วโลกด้วยความสามารถทางดิจิทัลใหม่ ๆ

Logo

Jellyfish ขยายฐานรากระดับโลกด้วยข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ที่ถูกปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยข้อเสนอใหม่ในด้านอีคอมเมิร์ซ การสร้างเนื้อหา ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization)

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–23 ก.พ. 2564

Jellyfish พันธมิตรด้านการตลาดดิจิทัลของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิเช่น Samsung, Uber, Nestle, Deckers, Spotify และ eBay ได้ประกาศถึงการเข้าซื้อกิจการ 5 บริษัท ซึ่งแต่ละแห่งเป็นผู้นำในด้านพื้นที่ดิจิทัลซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี โดยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Jellyfish เกิดขึ้นจากบริบทของการร่วมมือกัน และการต้องการแก้ปัญหาที่อุตสาหกรรมเอเจนซี่แบบเดิมต้องเผชิญ ทั้งนี้เป็นเพราะความสามารถของบริษัทจะขึ้นอยู่กับการช่วยเหลือแบรนด์ต่างในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล การขยายตัวของ Jellyfish เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการก่อนหน้านี้ ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่จาก Fimalac Group ในปี 2562 อนึ่ง บริษัท Jelly Fish เป็นตัวแทนของธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่บริการด้านเอเจนซี่จะถูกรวมกับการให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บริษัท Jellyfish ซึ่งเปิดตัวในปี 2548 ได้กลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรไม่กี่แห่งของ Google Marketing Platform ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากบริษัททั่วโลก โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

Rob Pierre, Chief Executive Officer, Jellyfish (Photo: Business Wire)

Rob Pierre, ซีอีโอของ Jellyfish (ภาพ: Business Wire)

การคาดการณ์ของ eMarketer ในปัจจุบันระบุว่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาสื่อทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึง 6 แสนล้านในปี 2564 ดังนั้นเพื่อให้มีความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดที่สูงและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสื่อ บริษัทต่าง ๆ จะต้องรีบฉวยโอกาสจากภูมิทัศน์ดิจิทัลที่กำลังอิ่มตัว พร้อมกับให้การสื่อสารที่ราบรื่นและสอดคล้องในทุกช่องทางและจุดติดต่อ  การเร่งตัวของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ มีความต้องการมากขึ้นที่จะร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ ที่สามารถช่วยนำทางและตอบสนองความท้าทายในการขับเคลื่อนการเติบโตและความยั่งยืน

“ภารกิจของเราคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกค้าของเรามีทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นในการรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มที่และบรรลุผลลัพธ์ที่อยู่เหนือทุกความคาดหวัง นับจากหนึ่งปีแห่งการหยุดชะงักและการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการตลาดดิจิทัลที่ผ่านมา Jellyfish เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกและได้เข้าสู่ตลาดใหม่ในออสเตรเลียและเม็กซิโกและมีการเพิ่มความรับรู้ของแบรนด์มากขึ้นในฝรั่งเศส บราซิล และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถและมุ่งหาทรัพยากรบุคคลหน้าใหม่ที่โดดเด่นทั่วโลก บริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาและการปรับให้เข้ากับท้องถิ่น (localization) งานด้านอีคอมเมิร์ซ ความคิดสร้างสรรค์ และการเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูล” Rob Pierre CEO ของ Jellyfish กล่าว “การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันความโดดเด่นและการเติบโตในตลาด เราเชื่อว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรืออยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับลูกค้าของเรา” Pierre กล่าวเสริม

“การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้นำมาซึ่งการปรับปรุงที่มีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มบริการของเราโดยการขยายความเชี่ยวชาญเชิงลึก การเข้าถึงทางภูมิศาสตร์และข้อเสนอของเราในหลายทวีปและภูมิภาค” Chris Lee, ซีโอโอ จาก Jellyfish กล่าว

ความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นด้านเทคโนโลยี:

Seelk

ซอฟต์แวร์และการให้ปรึกษาสำหรับ Amazon Marketplace

Splash

เทคโนโลยีและบริการที่สร้างสรรค์พร้อมการแปลทั่วโลก

Quill

เนื้อหาประสิทธิภาพระดับโลกสำหรับอีคอมเมิร์ซ

Webedia Brand Services

การทำ Gamification เนื้อหาข้อมูล บริการเทคโนโลยี และกลยุทธ์ข้อมูลระดับองค์กร

การขยายตัวทั่วโลก:

Data Runs Deep – ออสเตรเลีย

การให้คำปรึกษา การนำไปใช้ และการฝึกอบรมสำหรับโซลูชันข้อมูล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่ Jellyfish ซื้อกิจการคลิก ที่นี่

การเข้าซื้อกิจการล่าสุดอื่น ๆ ที่ขยายขอบเขตทั่วโลกของเรา:

Reamp – บราซิล

การตลาดแบบเป็น programmatic marketing,  มาร์เกตติ้งอัตโนมัติ (marketing automation) และ digital campaign performance (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

San Pancho – เม็กซิโกและโคลอมเบีย

ความสามารถด้านการตลาดดิจิทัลแบบเต็มช่องทางและความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ (ได้มา ณ H2 ปี 2563)

เกี่ยวกับ Jellyfish

Jellyfish ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Fimalac Group ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกในด้านการตลาดดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ชั้นนำของโลก เช่น Samsung, Uber, Nestle, Orange, Spotify และ eBay โดย Jellyfish เป็นธุรกิจดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่มีการรวมบริการด้านเอเจนซี่เข้ากับการให้คำปรึกษาการฝึกอบรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการมีพนักงานมากกว่า 2,000 คนในสำนักงาน 40 แห่งทั่วโลกและด้วยการขยายขอบเขตต่อไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Jellyfish ตั้งเป้าที่จะเป็นพันธมิตรระดับโลกตัวเลือกแรกสำหรับความต้องการด้านดิจิทัลสำหรับทุก ๆ แบรนด์  Jellyfish เปิดตัวในปี 2548 และกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่พันธมิตรทางการตลาดของ Google ที่มีการจัดการทั่วโลกที่ถูกคัดเลือกมา ทั้งนี้ Jellyfish ซึ่งมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 45% ต่อปีอย่างต่อเนื่องในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ภูมิใจที่ได้อยู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลของโลก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210223005716/en/

สำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Julia Angelen Joy, Media Frenzy Global

julia@mediafrenzyglobal.com

208.996.9844

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย