“ซิตี้แบงก์” สมทบทุนอุปกรณ์การแพทย์

Logo

imgกรุงเทพฯ 7 กันยายน 2563 –  นายปวิณ รอดลอยทุกข์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานรัฐกิจสัมพันธ์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย (คนที่ 4 จากซ้าย) พร้อมด้วยนางสาววันวิสาข์ โคมินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย และตัวแทนพนักงานซิตี้แบงก์ ประเทศไทย (คนที่ 5 จากซ้าย) มอบเงินบริจาคจำนวน 362,057 บาท สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ โดยเงินดังกล่าวได้รับการบริจาคภายในองค์กรภายใต้กิจกรรม “วันชุมชนซิตี้ 2563” หรือ Citi Global Community Day 2020 ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับสังคมในหลากหลายมิติ โดยมีนพ.อุดม เชาวรินทร์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี เป็นผู้รับมอบเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี  กรุงเทพฯ

###

เกี่ยวกับ “ซิตี้”

ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th | เฟซบุ๊ก: Citi Thailand  | LINE: Citi Thailand

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย

วันวิสาข์ โคมินทร์

+662 079 3251

 wanvisa.komindr@citi.com

เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์  JC&CO PUBLIC RELATIONS

ณภัทร กาญจนะจัย / +668 1355 9221 / napatk@jcpr.co.th  

นิกรณ์กานต์ วิจักษณ์ไพศาล / +669 7230 0528 / nikornkarnw@jcpr.co.th  

MEDIA HOTLINE : 02-634-4557 / 6663-641-9549 (ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์)

“บัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้” จัดโปรแรง “ช้อปปี้ 9.9 ซูเปอร์ ช้อปปิ้ง เดย์” แจกโค้ดส่งฟรี และส่วนลดสูงสุดถึง 2,499 บาท

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–3 กันยายน 2563

imgบัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ ออกโปรโมชั่นให้ลูกค้าได้เฮ กับแคมเปญจัดหนัก “ช้อปปี้ 9.9 ซูเปอร์ ช้อปปิ้ง เดย์” (Shopee 9.9 Super Shopping Day) วันที่ 9 เดือน 9 รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,499 บาท เมื่อ ช้อปขั้นต่ำ 7,999 บาท และรับโค้ดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ ตลอดเดือนกันยายนนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ข้อมูลเพิ่มเติมโปรโมชัน หรือสนใจสมัครบัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ กดได้ที่ลิงค์นี้ https://kbank.co/2XBU5Wy

ข้อมูลการติดต่อสำหรับสื่อมวลชน

บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด

อมรเทพ อักษร (ตื้น) โทร. 081-489-4242 หรือ คณิติน ทัศพินิจ (แมนนี่) โทร. 085-319-8916

อีเมล์: media.th@shopee.com

ติดต่อธนาคารกสิกรไทย (สำหรับสื่อมวลชน):

ส่วนบริหารเครือข่ายสื่อ : 02-470-2654-8

kbankpr@kasikornbank.com / kbankpr@gmail.com

Private Group RLS (USA) Inc. เข้าซื้อกิจการ Radiopharmacy Network ของ GE Healthcare

Logo

แทมปา ฟลอริดา–(บิสิเนสไวร์)–2 กันยายน 2563

RLS (USA) Inc., (Radioisotope Life Sciences) ได้ซื้อเครือข่ายร้านขายยาทางรังสีของ General Electric (GE) ในสหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นบริษัทที่เน้นการถ่ายภาพโมเลกุลบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา  Capitor(www.capitor.co) ที่ปรึกษาทางการเงินระดับโลกได้ร่างและนำเสนอธุรกรรมครั้งนี้ให้กับนักลงทุน โดยเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเจรจาต่อรองนับหลายปีและการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย  การเข้าซื้อกิจการนี้ไม่มีการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงิน

ร้านจำหน่ายยารังสีจะยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพโมเลกุลให้แก่ GE Healthcare ต่อไป โดย RLS จะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงความร่วมมือในการจัดจำหน่ายนานนับ 10 ปี  ในขณะนี้ เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีที่เป็นของเอกชนมีผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเป็นเจ้าของโดย Perceptive Advisors บริษัทเชี่ยวชาญการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก

ทีมผู้บริหารของ RLS ประกอบด้วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Werner Gruner ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน Jaco van Niekerk และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Shane Cobb  คุณ Gruner ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารในบทบาทต่างๆ ในอุตสาหกรรมการเงินระหว่างประเทศรวมถึงการก่อตั้ง Capitor ให้ความเห็นว่า “ผมรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นกับกับโอกาสที่ได้มาจากการเข้าซื้อกิจการบริษัทด้านสุขภาพในครั้งนี้ที่มีนอกเหนือจากโอกาสด้านการเงินเท่านั้น  ผมมีอาชีพเป็นที่ปรึกษาการลงทุนแก่ลูกค้าทั่วโลกและเชื่อเสมอว่าไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด ลูกค้าสมควรและมีสิทธิ์ที่จะได้รับบริการระดับสูงที่เป็นส่วนตัว ตรงเวลา และมีคุณภาพ” เขากล่าวเสริมว่า “นี่คือเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับการบริการ คุณภาพ และเทคโนโลยีนวัตกรรมอันเป็นปัจจัยสำคัญในกลยุทธ์การลงทุนของเรา”

เครือข่ายร้านจำหน่ายยาทางรังสีประกอบด้วยร้านขายยา 31 แห่งใน 18 รัฐ รวมถึงสำนักงานใหญ่ปัจจุบันในแทมปา ฟลอริดา  ภายใต้การดูแลของ คุณ van Niekerk, RLS ตั้งเป้าที่จะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้าเพื่อขยายสาขาของร้านขายยาและจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย “เราใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้มีเปลี่ยนแปลงอย่างราบรื่นเพราะปรัชญาของเราที่มีบริการเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการรักษาพนักงานผู้บริหารที่สำคัญเช่น Shane Cobb ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมนี้”  คุณ van Niekerk กล่าวสรุปว่า “RLS มุ่งมั่นที่จะให้การวินิจฉัยและการรักษาที่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศ  ด้วยเหตุนี้และด้วยผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายของอวัยวะที่เกิดจาก COVID-19 เราได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่มุ่งเน้นการรองรับความเป็นไปได้ที่จะมีความต้องการบริการตรวจวินิจฉัยเฉพาะทางเพิ่มขึ้น”

ปัจจุบันพนักงาน GE เกือบห้าร้อยคนทั่วประเทศเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว RLS  บริษัทคาดว่าจะย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังชายฝั่งตะวันออกของฟลอริดาในอนาคตอันใกล้ และอยู่ระหว่างการสนทนากับสภาพัฒนาเศรษฐกิจหลายแห่งรวมถึงเทศบาล

อ่านต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901006104/en/

ติดต่อ:

Amanda Penebaker
608-345-9420
amanda.penebaker@rls.bio
https://rls.bio/

Featurespace ได้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน 250 รายชื่อบริษัทสตาร์ทอัพที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2563 จากการจัดลำดับของ CB Insights Fintech

Logo

บริษัทได้รับการยกย่องจากความสำเร็จในการตรวจจับและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กร

แอตแลนต้า–(BUSINESS WIRE)–1 ก.ย. 2563

Featurespace™ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรชั้นนำได้รับจัดให้อยู่ใน 250 ลำดับรายชื่อบริษัท Fintech 250 ที่จัดประจำทุกปีเป็น ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่สาม โดยทาง CB Insights นำเสนอรายชื่อบริษัทเอกชนอันทรงเกียรติเกิดใหม่ที่เข้ามาพัฒนาในด้านเทคโนโลยีทางการเงินให้ก้าวล้ำมากขึ้น

“เป็นอีกครั้งที่เราภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 250 บริษัทฟินเทคเอกชนที่ดีที่สุดจากบริษัททั่วโลก บริษัทที่มีรายชื่อใน Fintech 250 ในปีนี้เป็นตัวแทนจาก 25 ประเทศ และครอบคลุม 19 หมวดหมู่ ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาตั้งแต่ด้าน retail banking (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) และด้านเงินคริปโต ตลอดจนถึงการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์” Anand Sanwal ซีอีโอของ CB Insights กล่าว

Featurespace ได้รับเลือกเพราะการใช้แมชชีนเลิร์นนิงและ Adaptive Behavioral Analytics ในการสร้างและดูแลรักษาใช้งาน ARIC™ Risk Hub ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มนวัตกรรมที่ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ พร้อม ๆ ไปกับการตรวจจับการโจมตีด้านการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์

“การโจมตีของผู้ฉ้อโกงมีความซับซ้อนมากขึ้นในด้านการกำหนดเป้าหมายเหยื่อในทุกช่องทางและทุกจุดของการมีปฏิสัมพันธ์กับร้านค้า กับบริษัทชำระเงิน และกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายของเราในการหาทางออกแบบองค์รวมและที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างเท่าทันภัยคุกคาม” Dave Excell ผู้ก่อตั้ง Featurespace กล่าว “นี่แหละคือจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของเราที่ผลักดันให้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับใน Fintech 250 ท่ามกลางบริษัทอื่น ๆ ที่แบ่งปันความหลงใหลและมุ่งมั่นในเรื่องนี้เช่นกัน”

Sanwal กล่าวต่อว่า “ รายชื่อ Fintech 250 class ก่อนหน้านี้ระดมทุนนักลงทุนได้มากกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์และรอดพ้นจากอาชญากรรมมากกว่า 20 ครั้งหลังจากที่ระบุภัยได้ และเราคาดว่ารายชื่อในปีนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันพร้อม ๆ ไปกับการที่พวกเขาทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนและธุรกิจใช้จ่าย เก็บเงิน ยืมเงิน และนำเงินไปลงทุน ต่อ ๆ ไป”

ด้วยวิธีการที่สามารถอ้างอิงได้ตามหลักฐาน หน่วย CB Insights Intelligence ได้คัดเลือกรายชื่อ Fintech 250 จากกลุ่มบริษัท 16,000 แห่ง ซึ่งรวมทั้งผู้สมัครและผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยผ่านการพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ กิจกรรมด้านสิทธิบัตร คุณภาพของนักลงทุน การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นข่าวสาร คะแนนโมเสก (proprietary Mosaic scores) ความเป็นหุ้นส่วน ศักยภาพทางการตลาด ภาพรวมการแข่งขัน ความแข็งแกร่งของทีม และความแปลกใหม่ทางเทคโนโลยี คะแนนโมเสกอิงตามอัลกอริทึมของ CB Insights ซึ่งจะวัดคุณภาพโดยรวมและศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเอกชนเพื่อช่วยทำนายโมเมนตัมของบริษัท

เกี่ยวกับ CB Insights

ที่ CB Insights เราเชื่อว่าคำถามทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนที่สุดจะถูกตอบได้ดีที่สุดด้วยการใช้ข้อเท็จจริง เราเป็นบริษัทด้านแมชชีนอินเทลลิเจนซ์ที่สังเคราะห์ วิเคราะห์และผลิตเอกสารหลายล้านฉบับเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกตามข้อเท็จจริงแก่ลูกค้าของเราอย่างรวดเร็ว เราการให้บริการบริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ใน Fortune 100 เราให้อำนาจแก่บริษัทต่าง ๆในการตัดสินใจที่ดีขึ้น ควบคุมอนาคตของตนเองได้ดีขึ้น และใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงได้มากยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ Featurespace – www.featurespace.com

Featurespace™เป็นผู้นำระดับโลกในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินระดับองค์กรสำหรับการฉ้อโกงและการต่อต้านการฟอกเงิน Featurespace ได้คิดค้น Adaptive Behavioral Analytics และสร้างแพลตฟอร์ม ARIC™ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แมชชีนเลิร์นนิงแบบเรียลไทม์ที่ระบุคะแนนความเสี่ยงของสถานการณ์ในกว่า 180 ประเทศ เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและอาชญากรรมทางการเงิน

ARIC ™ Risk Hub ใช้การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูงที่อธิบายได้เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถระบุความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ ตรวจจับการโจมตีจากการฉ้อโกงใหม่ ๆ และระบุกิจกรรมที่น่าสงสัยในแบบเรียลไทม์ สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกกว่า 30 แห่งใช้ ARIC เพื่อปกป้องธุรกิจและลูกค้าของตน ลูกค้าของ ARIC ที่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะ ได้แก่ HSBC, TSYS, Worldpay, NatWest Group, Contis, Danske Bank, ClearBank และ Permanent TSB

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200901005738/en/

ติดต่อ:

Keith Swiader, CB Insights

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์

keith.swiader@cbinsights.com

Michael Touchton, Featurespace

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร

Michael.touchton@featurespace.com

+1 (423) 364-5491

Mary Kay Inc. และ Mary Kay FoundationSM ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี และ CARE USA ในโครงการระดับโลกเพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 สิงหาคม 2563

ด้วยความพยายามที่จะสนับสนุนงานด้านการช่วยชีวิตเพื่อป้องกันและยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลกและถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund)

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

Melinda Foster Sellers, Chief People Officer at Mary Kay (Photo: Mary Kay Inc.)

Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay (รูปภาพ: Mary Kay Inc.)

ผู้หญิงมากกว่าหนึ่งในสามทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความรุนแรงทั้งทางร่างกายและ/หรือทางเพศตลอดชีวิตของพวกเธอ1 สถิติที่น่าตกใจเหล่านี้ถูกซ้ำเติมให้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้ง ภัยธรรมชาติ และวิกฤตต่าง ๆ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ที่ดำเนินการภายใต้องค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังการมีส่วนร่วมของผู้หญิง และมีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนสหประชาชาติ (UN Trust Fund) ภายใต้ระบบของสหประชาชาติ ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เกิดความตื่นตัวและสร้างการตระหนักรู้ต่อการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของความรุนแรงต่อผู้หญิงระหว่างที่เกิดการระบาดของ COVID-19 รวมถึงผลที่จะตามมาอย่างถาวรซึ่งจะทำให้สิทธมนุษยชนของผู้หญิงตกอยู่ในความเสี่ยงขณะที่ชาติต่าง ๆ ง่วนอยู่กับการกอบกู้สถานการณ์ในประเทศ

“ตลอดหลายสิบปี Mary Kay มุ่งมั่นที่จะหยุดความรุนแรงที่เกิดต่อผู้หญิงและเด็กทั่วโลก ความมุ่งมั่นนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้” Melinda Foster Sellers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแห่ง Mary Kay Inc. กล่าว “วันนี้ เราได้ผนึกกำลังกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE สองผู้จัดกิจกรรมเพื่อสิทธิของผู้หญิงรายสำคัญที่ได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ผ่านการลงพื้นที่สร้างผลลัพธ์ทางสังคม การเก็บข้อมูลเรื่องเพศ และงานสนับสนุนต่าง ๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือนี้ เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้โลกของเราปราศจากการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง”

“นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM มุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาความรุนแรงในครัวเรือน” Anne Crews รองประธานด้านกิจการสาธารณะของ Mary Kay และคณะกรรมการ The Mary Kay FoundationSM กล่าว “ตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สถานที่พักพิงกว่า 2,600 แห่งที่ทำงานเพื่อยุติปัญหาความรุนแรงทางเพศในครัวเรือนได้รับเงินสนับสนุนรวมเกือบ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เราได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงและสตรีกว่า 6 ล้านคนที่ต้องการที่พักอาศัยและความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำทารุณ ความร่วมมือระดับโลกร่วมกับกองทุนสหประชาชาติและ CARE จะช่วยให้เราขยายขอบเขตในการต่อสู้เพื่อปกป้องเด็กผู้หญิงและสตรีให้ลึกและกว้างยิ่งขึ้น”

จากการทำงานอย่างต่อเนื่องของมูลนิธิองค์กรทั้ง 4 แห่ง ผนวกกับความร่วมมือระดับโลกครั้งล่าสุดนี้ Mary Kay ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและป้องกันการเกิดความรุนแรงต่อผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โครงการริเริ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Mary Kay ต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 (SDG 5) ว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ พัฒนาบทบาทสตรีและเด็กผู้หญิง

  • ภายใต้ความร่วมมือกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี Mary Kay จะมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เพื่อปกป้องสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 70 ประเทศ

กองทุนสหประชาชาติ ในฐานะกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าตามอุปสงค์ที่เชี่ยวชาญด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก เป็นกลไกเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในสถานะที่จะทำให้เป้าหมายนี้บรรลุผลผ่านการมอบเงินสนับสนุนให้กับโครงการริเริ่มที่เกี่ยวข้องกันเชิงบริบทและให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ กับผู้รับทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรด้านสิทธิสตรีขนาดเล็กที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 50/166 กองทุนสหประชาชาติได้มอบทุนสนับสนุนไปแล้ว 175 ล้านดอลลาร์ให้กับ 572 โครงการ ใน 140 ประเทศ

ผู้รับทุนจากกองทุนสหประชาชาติเป็นผู้ที่อยู่แนวหน้าในการรับมือกับการระบาดของการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานมาจนขณะนี้

กว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา กองทุนสหประชาชาติได้ให้ความช่วยเหลือที่เข้าถึงผู้คนกว่า 22 ล้านคนผ่านทางโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายป้องกันและยุติปัญหาความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิทธิสตรีที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ และองค์กรที่นำโดยผู้หญิงซึ่งใช้กำลังความสามารถของตัวเองในการอยู่แถวหน้าเพื่อมอบความช่วยเหลือให้ผู้รอดชีวิต รวมถึงการใช้ข้อกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ สตรีและเด็กกว่าหนึ่งล้านคนได้รับประโยชน์โดยตรงจากความช่วยเหลือเหล่านี้ รวมถึงกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างพลังและป้องกันพวกเขาจากความรุนแรง และยังมีอีกอย่างน้อย 107,428 ชีวิตที่รอดพ้นจากความรุนแรง เฉพาะในปี 2563 กองทุนสหประชาชาติได้สนับสนุนโครงการต่าง ๆ ไป 137 โครงการ และมอบทุนให้กับผู้รับทุนรายใหม่ 79 ราย มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์

“ความรุนแรงต่อผู้หญิงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นมากที่สุดในวงกว้างทั่วโลกและไม่มีที่สิ้นสุด” Aldijana Sisic ผู้อำนวยการกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี กล่าว “สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงการเลือกปฏิบัติที่มีความร้ายแรงมากที่สุด เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นมานานและยังไม่หายไป ซ้ำยังมีวิกฤต COVID-19 เข้ามาเพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ให้มากขึ้นตอนนี้ มาตรการล็อคดาวน์เพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาผนวกกับระบบสาธารณสุขที่ต้องแบกรับภาระเกินความสามารถและระบบการบังคับใช้กฎหมายทิ้งให้สตรีและเด็กผู้หญิงที่เป็นผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงต้องตกอยู่ท่ามกลางอันตราย ในบริบทนี้ องค์กรเพื่อผู้หญิงทั่วโลกเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในฐานะบุคคลกลุ่มแรก ๆ ที่ขานรับเหล่าผู้รอดชีวิต ขณะนี้ ถึงเวลาที่จะต้องผนึกกำลังกัน ก้าวออกมาและช่วยเหลือพวกเขาเพื่อไม่ให้มีผู้หญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องถูกทิ้งไว้ลำพังหลังกำแพงที่พวกเขาไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้ เราขอขอบคุณพันธมิตรของเราที่ Mary Kay ที่ได้ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วยการสนับสนุนการทำงานชิ้นนี้ และเดินบนเส้นทางนี้ร่วมไปกับเรา”

  • Mary Kay จะให้การสนับสนุนโครงการ CARE ในการต่อสู้กับความรุนแรงทางเพศ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของสตรีและเด็กผู้หญิงในกว่า 100 ประเทศ

ผู้หญิงทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากความยากจนและความรุนแรงทางเพศในระดับที่มากน้อยต่างกันไป โดยในบรรดาผู้ที่ได้รับผลกระทบ มีผู้หญิงจำนวน 1.4 พันล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนส่วนใหญ่ ที่มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้ CARE จึงได้กำหนดพันธกิจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับเรื่องเพศขึ้นมา และให้การสนับสนุนอย่างไม่ลดละเพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิมีเสียงและมีความเป็นผู้นำ

การรับมือสภาวะฉุกเฉินต่อวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกของ CARE ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วสู่ 67 ประเทศที่เข้าสู่ภาวะฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมอันมีสาเหตุจากโรคระบาด และเข้าถึงผู้คนโดยตรงราว 16 ล้านคนผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงจัดการอบรมและให้บริการข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเพื่อหยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงแก่ผู้คนกว่า 1 ล้านคน ด้วยตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ต่อเรื่องเพศได้รับความสนใจ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา CARE ได้เริ่มใช้การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 (RGA) หลังจากปรึกษากับคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ (IRC) การสนับสนุนของ Mary Kay มีความแตกต่างออกไปด้วยมีข้อมูลและผลการศึกษาจากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศทั่วโลกแบบรวดเร็วเกี่ยวกับ COVID-19 ใน 50 ณ ขณะนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านเพศแบบรวดเร็วของ CARE แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโรคทำให้ปัญหาแย่ลงโดยเฉพาะในทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาและในยุโรป รวมถึงยังรายงานว่ามีผู้หญิงหลายหมื่นคนที่กำลังเผชิญกับการทำร้ายร่างกายหรือการคุกคามทางเพศในช่วงล็อคดาวน์และไม่สามารถออกจากที่พักอาศัยได้

Mary Kay Inc. และ The Mary Kay FoundationSM ยังได้มอบเงินมูลค่า 100,000 ดอลลาร์ให้กับ Together For Her’s ซึ่งเป็นความพยายามในระดับนานาชาติในการบรรเทาความรุนแรงด้านเพศภายใต้ CARE เงินทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ทั่วโลกที่ให้ความช่วยเหลือเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากความรุนแรง จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือ PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามไปกับผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงไปยังศาล รวมถึงจัดหาอาหาร อุปกรณ์ดูแลความสะอาดและสุขอนามัยให้กับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงซึ่งเข้ารับบริการด้านจิตใจ การแพทย์ และที่พักพิงชั่วคราว

"การสร้างความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงให้เกิดขึ้นและกำจัดความรุนแรงทางเพศ (GBV) สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ในหลายทิศทาง" Michelle Nunn ประธานและซีอีโอของ CARE กล่าว "ในชุมชนที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในโลก เด็กผู้หญิงและสตรีต่างต้องเผชิญกับความอยุติธรรม เฉพาะวิกฤต COVID-19 เพียงอย่างเดียวอาจเป็นสาเหตุให้เหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น 31 ครั้งในช่วงหกเดือนของการล็อคดาวน์ที่เกิดจากไวรัส เราตระหนักว่าสามารถป้องกันไม่ให้ความเป็นไปได้นี้เกิดขึ้นได้ และเราต้องจัดการกับการคุมคามที่น่าสยดสยองนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น การลงทุนในการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้าของผู้หญิงในท้องถิ่นเป็นหนึ่งในสิ่งดี ๆ ที่ทรงพลังที่เราสามารถทำได้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม"

คุณรู้หรือไม่?

  • ในปี 2560 ผู้หญิงราว 87,000 คนทั่วโลกถูกทำให้เสียชีวิตอย่างจงใจ และกว่าครึ่ง (58 เปอร์เซ็นต์) ถูกฆ่าโดยคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว
  • ดังนั้น ในทุก ๆ วัน มีผู้หญิง 137 คนทั่วโลกที่ถูกฆ่าโดยสมาชิกในครอบครัว
  • ปัจจุบัน มีผู้หญิงและเด็กผู้หญิงราว 650 ล้านคนทั่วโลกที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี เยาวชนหญิงราว 15 ล้านคน (อายุระหว่าง 15 ถึง 19 ปี) ทั่วโลกเคยถูกบังคับให้ร่วมเพศ (การขืนใจให้ร่วมเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศรูปแบบอื่น) ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตของพวกเขา

แหล่งที่มา: กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี รายงานประจำปี 2562

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเมื่อ 56 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนใน 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอมมากมาย และยังทุ่มเทกับการช่วยให้ผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขามีพลังด้วยการร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนกับการวิจัยด้านมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายและพาเธอสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com

เกี่ยวกับ The Mary Kay FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay หรือ The Mary Kay FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา The Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินกว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่องค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้น มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

เกี่ยวกับกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี

กองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Trust Fund) อยู่ภายใต้องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) ซึ่งเป็นตัวแทนของระบบโดยสหประชาชาติ เป็นกลไกสนับสนุนเงินให้เปล่าระดับโลกเพียงกลไกเดียวที่มุ่งยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิงทุกรูปแบบ ภายในเวลา 24 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง กองทุนได้ให้การสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 572 แห่ง ลงทุนในการหาทางออกที่นำโดยประชาสังคมโดยยึดหลักฐานและมีความทันสมัยและถึงโครงการเปลี่ยนชีวิตอีกหลายโครงการ โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนมุ่งเน้นการป้องกันความรุนแรง การนำกฎหมายและนโยบายต่าง ๆ มาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาและลดความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมถึงยกระดับการเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับผู้รอดชีวิต เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ untf.unwomen.org และติดตามเราได้ทาง FacebookInstagram และ Twitter

เกี่ยวกับ CARE

CARE ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 พร้อมกับการถือกำเนิดขึ้นของ CARE Package® เป็นองค์กรด้านมนุษยชนชั้นนำที่ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก สะสมประสบการณ์มากว่าเจ็ดทศวรรษในการส่งมอบความช่วยเหลือฉุกเฉินในช่วงวิกฤต การตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินของเรามุ่งเน้นไปที่ความต้องการของประชากรกลุ่มที่มีความเปราะบางที่สุดโดยเฉพาะสตรีและเด็กผู้หญิง ปีที่ผ่านมา CARE เข้าไปทำงานใน 100 ประเทศและเข้าถึงผู้คนเกือบ 70 ล้านคนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ www.care.org

เกี่ยวกับ Together for Her

Together for Her เป็นการเรียกร้องให้มีดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงว่าเป็นการยืนหยัดเคียงข้างสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลกด้วยการมอบเงินทุนและความช่วยเหลือเพื่อตอบโต้ความรุนแรงภายในครัวเรือนระหว่างช่วงการระบาดของ COVID-19 โครงการ Charlize Theron Africa Outreach Project (CTAOP), CARE และ Entertainment Industry Foundation (EIF) ได้เข้าร่วมกันเพื่อกำจัดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร Charlize และ CTAOP ได้มอบของขวัญ และ Charlize ได้ออกมาเรียงร้องให้ผู้หญิงทั่วโลกรวมพลังกันและช่วยสาดแสงไปยังความพยายามครั้งสำคัญนี้ เสียงของพวกเราที่ร่วมกันเปล่งออกมาคือสิ่งที่แสดงถึงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะรวมพลังกันเพื่อสนับสนุน Together for Her


1 รายงานองค์การอนามัยโลก. 2013

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200831005162/en/

ติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com




มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ก่อตั้งขึ้นด้วยความมุ่งมั่น เพื่อปฏิรูประบบพลังงานทั่วโลก

Logo

♦ การปรับภาพลักษณ์องค์กรถือเป็นสัญญาณการเดินทางในขั้นต่อไปของบริษัทเพื่อการเติบโตขึ้นในฐานะ ผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงาน โดยเป็นผู้นำในการลดคาร์บอน การเปลี่ยนสู่ระบบดิจิทัล และการส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้ทั่วโลก

♦ ในฐานะบริษัทหลักในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป และมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ปเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะทำงานร่วมกับบริษัทในเครืออย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อเจาะตลาดด้านใหม่ ๆ รวมถึงต่อยอดการลงทุนด้านโซลูชันดิจิทัล ไฮโดรเจน แอมโมเนีย ระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ และพลังงานแสงอาทิตย์

เมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น (1 กันยายน 2563) – มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทหลักในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป (MHI) ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ อย่างเป็นทางการแล้ว การเปลี่ยนชื่อบริษัทนี้ นับเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นในพันธกิจของบริษัท เพื่อการแก้ปัญหาความท้าทายด้านพลังงานที่สำคัญที่สุดในยุคของเรา รวมถึงการลดคาร์บอนและนำพลังงานที่เชื่อถือได้มาสู่ทุกคนทั่วโลก ด้วยอัตลักษณ์ของชื่อองค์กรใหม่ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น หลังจากการปรึกษาหารือกับลูกค้าหลัก พนักงาน และพันธมิตร มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมุมานะ เพื่อให้เป็นบริษัทโซลูชันด้านพลังงานชั้นนำที่มีธุรกิจหลากหลายทั้งด้านการผลิตไฟฟ้าในระดับโครงข่าย พลังงานหมุนเวียน การจัดเก็บพลังงาน และเทคโนโลยีดิจิทัล

หลังการเปลี่ยนชื่อบริษัทครั้งนี้ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ กลายเป็นบริษัทในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป โดยมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ตำแหน่งที่ยกระดับขึ้นภายในกลุ่มบริษัทนี้จะทำให้มิตซูบิชิ พาวเวอร์ สามารถทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือแห่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจโดยเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จะทุ่มทุนสำหรับการลงทุนในโซลูชันเกิดใหม่ด้านพลังงานที่มีอยู่ เช่น ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกในด้านพลังงานที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

นายเคน คาวาอิ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารของบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า "การให้ผู้คนได้เข้าถึงพลังงานที่สะอาด มีเสถียรภาพ และราคาไม่แพง ถือเป็นหนึ่งวาระเร่งด่วนที่สุดของสังคมโลกในปัจจุบัน มิตซูบิชิ พาวเวอร์ พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไขความท้าทายเหล่านี้ด้วยอัตลักษณ์ใหม่ของเรา ด้วยการต่อยอดจากประสบการณ์ที่แข็งแกร่งด้านวิศวกรรมและบริการอันโดดเด่นซึ่งมีมาอย่างยาวนาน เราจะพัฒนาโซลูชันที่ล้ำยุคมากขึ้นเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นพร้อมกับการขยับขยายขอบเขตของสินค้าและบริการของเราไปพร้อมกัน เราจะร่วมมือกับภาครัฐ บริการสาธารณะ ผู้นำอุตสาหกรรม และบริษัทลูกในเครือมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ปของเราอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้แก่ผู้คนและโลกใบนี้ในฐานะบริษัทโซลูชันด้านพลังงาน"

นอกจากชื่อและโลโก้ใหม่ มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้เผยถึงพันธกิจใหม่เช่นกัน รวมทั้งประกาศว่าจะใช้สโลแกนของมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ กรุ๊ป ที่ว่า "Move the World Forward" (กรุณาดูภาคผนวก A)

มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้สร้างสถานะที่แข็งแกร่งในฐานะพันธมิตรที่ไว้วางใจได้สำหรับบริษัทผลิตไฟฟ้าทั่วโลก ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของบริษัท เมื่อเข้าสู่ระยะใหม่นี้ บริษัทจะใช้ความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมชั้นนำระดับโลก ผลักดันการสร้างนวัตกรรมและการบริการลูกค้าที่มีชื่อเสียงเพื่อส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งในท้ายที่สุด จะกระตุ้นความก้าวหน้าของประเทศ ชุมชน และบุคคลในทุกที่

###

เกี่ยวกับบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด

บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด คือผู้ให้บริการและผู้ริเริ่มด้านเทคโนโลยีและโซลูชันชั้นนำสำหรับภาคส่วนพลังงานระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น อยู่ในเครือบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจด้านวิศวกรรมและการผลิตครอบคลุมเกี่ยวกับพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 18,000 คนใน 31 ประเทศทั่วโลก มิตซูบิชิ พาวเวอร์ได้ออกแบบ ผลิต และบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่ผลักดันการลดคาร์บอน รวมถึงรับรองการส่งมอบพลังงาน ที่เชื่อถือได้ทั่วโลก โซลูชันของมิตซูบิชิ พาวเวอร์ประกอบไปด้วยกังหันก๊าซที่หลากหลาย รวมถึงกังหันก๊าซเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เซลล์เชื้อเพลิงออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (AQCS) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการ อันเป็นแบบอย่างและทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อวาดอนาคตแห่งพลังงาน มิตซูบิชิ พาวเวอร์ยังเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าดิจิทัล ผ่านกลุ่มโซลูชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง TOMONI อีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาไปที่ https://power.mhi.com

ข้อมูลการติดต่อข่าวประชาสัมพันธ์

ชิมอน อิเคยะ

ฝ่ายการสื่อสารกลุ่ม

แผนกการสื่อสารและรัฐสัมพันธ์

บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ จำกัด

อีเมล: shimon_ikeya@mhps.com

โทรศัพท์: +81-45-200-7163

ภาคผนวก A: อัตลักษณ์บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์

โลโก้ยี่ห้อและชื่อ

  

The new brand logo presents an image of the advanced power generation technologies and solutions that the company offers, while expressing a corporate stance of responding flexibly to societal changes. (Graphic: Mitsubishi Power)

โลโก้ยี่ห้อใหม่ผสมผสานเครื่องหมายเพชรสามเม็ดของมิตซูบิชิเข้ากับชื่อบริษัทในภาษาอังกฤษ ฟอนต์ของโลโก้ ซึ่งเป็นการออกแบบแบบอักษรแนวกอทิกที่มีความโค้งมนและทันสมัย ได้มีการนำมาใช้เพื่อแสดงถึงภาพลักษณ์ของ เทคโนโลยีการผลิตพลังงานที่มีความก้าวหน้าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่มิตซูบิชิ พาวเวอร์ต้องการนำเสนอ ในขณะเดียวกันก็แสดงจุดยืนขององค์กรในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างยืดหยุ่น

Mission Statement

Mitsubishi Power is creating a future that works for people and the planet by developing innovative power generation technology and solutions to enable the decarbonization of energy and deliver reliable power everywhere.

Tagline

“Move the World Forward”

ภาคผนวก B: ข้อมูลบริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์

ตัวแทน

เคน คาวาอิ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร

สำนักงานใหญ่ระดับโลก

3-1 มินาโตมิไร เขต 3 แขวงนิชิ เมืองโยโกฮามะ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น

สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค

เอเชียแปซิฟิก: สิงคโปร์

จีนแผ่นดินใหญ่: เซี่ยงไฮ้

ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา: ลอนดอน

อเมริกา: เลกแมรี รัฐฟลอริดา

จำนวนพนักงานทั่วโลก

18,356 คน (ณ เดือนเมษายน 2563)

จำนวน

กลุ่มบริษัทหลัก

69 บริษัท (รวม 8 บริษัทในญี่ปุ่น)

ผลิตภัณฑ์หลัก

โรงไฟฟ้า:

  • โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (GTCC)
  • โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ
  • โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมโดยกระบวนการผลิตก๊าซจากถ่านหิน (IGCC)
  • โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ

ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และบริการ:

  • กังหันก๊าซ
  • กังหันไอน้ำ
  • หม้อไอน้ำ
  • ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (AQCS)
  • เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
  • เซลล์เชื้อเพลิง
  • ระบบควบคุม
  • ระบบจัดเก็บพลังงาน
  • การเดินเครื่องและบำรุงรักษา (O&M)
  • สัญญาการให้บริการระยะยาว
  • ระบบควบคุมและจัดการจากระยะไกล
  • การฝึกอบรม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=52274216&lang=en

ภาคผนวก C: ภาพถ่าย

img

img

รูปภาพ 1A, 1B: เครื่องหมายเพชรสามเม็ด ซึ่งได้รับการยกย่องจากทั่วโลกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพและความไว้วางใจ จะปรากฏอย่างเด่นชัดในสำนักงานของบริษัทและสถานประกอบการดังที่แสดงให้เห็นในภาพเหล่านี้

img

img

img

รูปภาพ 2A, 2B, 2C: มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ยังคงสานต่อการให้บริการอันเป็นแบบอย่าง พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพนักงานเหล่านี้ที่ Takasago Works ในประเทศญี่ปุ่น ที่พร้อมทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจและร่วมกันสร้างอนาคตด้านพลังงาน